ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

คำสอนเรื่องความทุกข์ทรมานคำสอนเรื่องความทุกข์ทรมาน
             ความทุกข์ทรมานอยู่คู่กับมนุษย์ ไม่ว่าเราจะเต็มใจรับหรือไม่ก็ตาม  บางคนก็ยอมรับเหมือนกับ “โจรที่ดี” บางคนก็ยอมรับเหมือนกับ “โจรที่ไม่ดี”  แต่ทั้งคู่ก็ต้องทุกข์ทรมานเท่ากัน  โจรคนหนึ่งรู้จักเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของตนให้เป็นบุญกุศล  เขายอมรับเพื่อเป็นการใช้โทษบาปและหันหน้าเข้าหาพระเยซูเจ้าที่ถูกตรึงกางเขน และได้รับคำตอบด้วยถ้อยคำที่รื่นหูว่า “วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในสวรรค์”  ขณะที่โจรอีกคนหนึ่งตะโกนด่าว่าและเสียชีวิตด้วยความโกรธแค้นอย่างสิ้นหวัง   ดังนั้นจึงมีความทุกข์ทรมาน 2 ประเภทๆ แรกเป็นการรับความทุกข์ทรมานด้วยความรัก ส่วนอีกประเภทหนึ่งปราศจากความรัก


             นักบุญทั้งหลายยอมรับความทุกข์ทรมานทุกอย่างด้วยความชื่นชมยินดี, อดทนเพราะรัก  ขณะที่พวกเรารับความทุกข์ทรมานด้วยความโกรธและหัวเสีย หรือเหนื่อยล้า เพราะเราขาดความรัก.   หากเรารักพระ เราก็ควรรักกางเขนและปรารถนาที่จะแบกกางเขนด้วยความยินดีเพื่อเห็นแก่พระองค์ผู้ทรงรับความทุกข์ทรมานเพื่อเรามาแล้ว... เราจะบ่นแสดงความไม่พอใจไปเพื่ออะไร?  คนที่ไม่มีความเชื่อที่ไม่รู้จักพระและไม่รู้จักความรักที่ไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ช่างเป็นคนที่น่าสงสาร เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องแบกกางเขนเหมือนกับเรา แต่พวกเขาไม่ได้รับสิ่งปลอบใจเช่นเดียวกับเรา   เราคิดว่าความทุกข์ทรมานเป็นสิ่งที่ยากลำบากหรือ?  ไม่ใช่สิ่งยากเลย  กางเขนคือสิ่งปลอบใจเรา เป็นความหวานและความสุข ขอเพียงแต่เราต้องมีความรักขณะที่เราแบกกางเขนอยู่เท่านั้น

            ลูกรัก  ลูกจะเจ็บปวดเฉพาะก้าวแรกที่แบกกางเขนเท่านั้น  เพราะกางเขนที่หนักที่สุดสำหรับเราคือความกลัวกางเขน... พวกเราไม่กล้าที่จะแบกกางเขนของเราซึ่งเป็นเรื่องการเข้าใจผิดอย่างหนัก  เพราะทุกสิ่งที่เราทำมีกางเขนติดอยู่กับเราเสมอ เราหลีกหนีกางเขนไปไม่ได้  ดังนั้นเราจะสูญเสียอะไรมากไปกว่านั้นอีกหรือ  ทำไมเราไม่ยอมรับและรักกางเขนและใช้นำทางเราไปสู่สวรรค์เล่า?  คนส่วนมากหันหลังให้กับกางเขนและหลีกหนีไป  ทั้งที่จริงยิ่งวิ่งหนี  กางเขนก็ยิ่งตามไปติดๆ และยิ่งทับถมพวกเขาให้หนักยิ่งขึ้น...  หากเราเป็นคนฉลาด เราก็ควรจะยอมรับกางเขนเช่นเดียวกับนักบุญแอนดรูเมื่อแลเห็นกางเขนที่พวกเขาเตรียมไว้ให้และยกตั้งขึ้นกลางอากาศ  ท่านกล่าวว่า “ยินดีต้อนรับกางเขนที่น่ารัก กางเขนแห่งความชื่นชมยินดี  โปรดรับลูกไว้ในอ้อมแขนและฉุดลูกออกจากหมู่ผู้คน  โปรดนำลูกคืนสู่พระอาจารย์ผู้ทรงไถ่ลูกด้วยกางเขนด้วยเทอญ”
ลูกรัก  จงตั้งใจฟังให้ดี  ผู้ที่เดินไปหากางเขน กลับเดินอยู่ในทางตรงข้ามกับกางเขน  บางทีเขาอาจพบกางเขน แต่เขาก็ดีใจที่ได้พบ  เขารักกางเขนและแบกด้วยความกล้าหาญ.    กางเขนทำให้ผู้นั้นร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสตเจ้า กางเขนทำให้เขาบริสุทธิ์และออกห่างไปจากโลกนี้  กางเขนขจัดอุปสรรคทั้งหลายที่อยู่ในใจและช่วยให้ผู้นั้นเดินข้ามชีวิตในโลกนี้เช่นเดียวกับการเดินบนสะพานข้ามสายน้ำ...

           จงดูบรรดานักบุญทั้งหลาย เมื่อไม่ถูกข่มเหงเบียดเบียน   ก็จะเบียดเบียนตนเอง  วันหนึ่งมีนักบวชท่านหนึ่งบ่นกับพระเยซูคริสตเจ้าว่า เขาถูกกลั่นแกล้ง “พระเจ้าข้า  ลูกได้ทำอะไรหรือจึงถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้?”  พระองค์ตรัสตอบว่า “แล้วเราล่ะ  เราได้ทำอะไรเมื่อถูกนำตัวไปสู่เขากัลวาริโอ?”   เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ นักบวชผู้นั้นก็เข้าใจ  ร้องไห้และขอโทษต่อพระองค์  เลิกบ่นไปตลอดชีวิต.   ชาวโลกเป็นผู้น่าสงสารเมื่อได้รับกางเขน  ส่วนคริสตังที่ดีจะเป็นคนน่าสงสารเมื่อไม่มีกางเขนจะแบก  เพราะชีวิตของเขาอยู่คู่กับกางเขน เช่นเดียวกับปลาที่มีชีวิตอยู่ในน้ำ

           จงดูนักบุญคัธรินแห่งอเล็กซานเดรีย(282-305)  เธอได้รับมงกุฎ 2 อัน  มงกุฎแรกสำหรับความบริสุทธิ์ และมงกุฎที่สองสำหรับการเป็นมรณสักขี  เธอมีความสุขมากในการมีโอกาสได้รับความทุกข์ทรมาน แทนที่จะยอมทำบาป!   ครั้งหนึ่งมีนักบวชท่านหนึ่งที่ชอบทำพลีกรรมที่เจ็บปวด  ท่านเอาเชือกจากบ่อน้ำมาผูกไว้รอบตัวแน่นมากจนเชือกบาดลึกเข้าไปในเนื้อ ทำให้เนื้อเน่าและเป็นที่อยู่ของหนอน  เพื่อนนักบวชขอร้องให้ท่านออกไปจากคณะ  ท่านก็จากไปอย่างเป็นสุขและไปอาศัยอยู่ในถ้ำ และในค่ำคืนนั้นเอง พระเยซูคริสตเจ้าได้ประจักษ์มาหาคุณพ่ออธิการและตรัสว่า “ท่านสูญเสียสมบัติของคณะไปแล้ว”    ชาวคณะจึงออกตามหานักบวชผู้นั้นกลับ  จากนั้นก็ตรวจหาตัวหนอนที่บาดแผลของท่าน  คุณพ่ออธิการให้แก้เชือกแต่กลับไม่พบร่องรอยบาดแผลใดๆ เลย

          อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในเขตวัดที่ติดกับวัดของเรา มีหนูน้อยคนหนึ่งกำลังป่วยหนัก ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลและอยู่ในสภาพที่น่าสงสาร  พ่อจึงถามเขาว่า “หนูเอ๋ย  หนูเจ็บมากไหม?” --- เด็กคนนั้นตอบพ่อว่า “ไม่หรอกครับ วันนี้ผมไม่รู้สึกเจ็บของความเจ็บเมื่อวาน และพรุ่งนี้ผมก็จะไม่เจ็บของความเจ็บในวันนี้”--- “หนูอยากหายไหม?” --- “ไม่หรอกครับ  วันก่อนผมซนมากจึงป่วย  ถ้าผมหายผมก็อาจเป็นอย่างนั้นอีก ดีแล้วครับคุณพ่อที่ผมเป็นอยู่อย่างนี้” --- เราคงไม่เข้าใจเรื่องนี้เนื่องจากใจของเราผูกอยู่กับโลกมากเกินไป  จนเรารู้สึกอายพวกเด็กๆ ที่มีพระจิตเจ้าประทับอยู่

          หากพระเจ้าทรงส่งกางเขนมาให้เรา แล้วเราต่อต้านและบ่นว่า  เราเป็นปฏิปักษ์กับทุกสิ่งที่ไม่เห็นด้วยกับเรา  เราชอบอยู่ในลังใหญ่ที่มีผ้าฝ้ายปูรองเพื่อความสบาย ทั้งๆ ที่เราควรจะอยู่ในลังที่ปูด้วยหนามแหลม  เพราะเราต้องอาศัย กางเขนเพื่อไปสวรรค์.   ความเจ็บป่วย, การผจญล่อลวงและปัญหายุ่งยากต่างๆ คือกางเขนในระดับต่างๆ ที่จะนำเราไปสู่สวรรค์  กางเขนเหล่านี้อยู่กับเราไม่นานก็จะหมดไป...

          จงดูบรรดานักบุญที่อยู่ในโลกมาก่อนเรา... พระเจ้าผู้พระทัยดีไม่ทรงโปรดให้เราเป็นมรณสักขีทางกาย  แต่ทรงโปรดให้เราเป็นมรณสักขีทางใจและทางความตั้งใจของเรา... พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นต้นแบบของเรา  ให้เราแบกกางเขนและตามพระองค์ไปเหมือนกับทหารของนโปเลียน  พวกเขาเดินข้ามสะพานทั้งที่ถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่ที่ใช้ “กระสุนพวงองุ่น”  (grapeshot) ที่ฆ่าคนได้มากในการยิงแต่ละครั้งจนไม่ใครกล้าเดินข้ามสะพาน  แต่นโปเลียนคว้าธง เดินนำหน้าโดยมีพวกทหารเดินตามไปติดๆ

         ทหารคนหนึ่งเล่าให้พ่อฟังว่า วันหนึ่งระหว่างการสู้รบ  เขาเดินประมาณครึ่งชั่วโมงไปบนร่างของคนตายที่เรียงติดกันแน่นจนไม่มีช่องเดิน, มีแต่โลหิตที่ไหลนองอยู่บนพื้นดินทั่วไปหมด  บนถนนแห่งชีวิตเราก็ต้องเดินผ่านกางเขนต่างๆ  เพื่อไปให้ถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่แท้จริงของเรา   กางเขนจึงเป็นบันไดพาดขึ้นสู่สวรรค์... เป็นความสุขใจเพียงใดที่ได้รับความทุกข์ทรมานภายใต้สายพระเนตรของพระเจ้าและสามารถกล่าวในตอนค่ำขณะที่พิจารณามโนธรรมของเราว่า  “วิญญาณเอ๋ย  วันนี้เจ้าได้ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงเลียนแบบพระเยซูคริสตเจ้า  เจ้าได้ถูกลงแซ่, ถูกสวมมงกุฎหนาม, ถูกตรึงกางเขนกับพระองค์!”  เมื่อถึงวาระสุดท้ายเราก็คงมีสมบัติที่มีค่าอยู่กับตัว  การตายก็จะเป็นสิ่งที่น่ายินดีหลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับกางเขน!   เราควรวิ่งไล่ตามกางเขนเช่นเดียวกับคนโลภที่ไล่ตามเงินตรา... มีแต่กางเขนเท่านั้นที่จะทำให้เรามั่นใจในวันพิพากษาประมวลพร้อม  เมื่อวันนั้นมาถึง เราจะมีความสุขกับการที่เคยโชคร้าย  เราจะภูมิใจกับความอัปยศอดสูที่เคยได้รับและจะร่ำรวยที่เคยสละสมบัติต่างๆ ให้แก่คนยากจน!

คำสอนเรื่องความทุกข์ทรมาน         หากมีคนถามท่านว่า “เพื่อที่จะร่ำรวย จะต้องทำอย่างไร?”  ท่านก็คงจะตอบว่า “ต้องทำงาน”.   การไปสวรรค์ก็เช่นกัน เราต้องรับความทุกข์ทรมาน  พระเยซูคริสตเจ้าทรงแสดงให้เราเห็นโดยผ่านทางซีมอนชาวซีเรน  พระองค์ตรัสเรียกมิตรสหายให้แบกกางเขนตามพระองค์ไป   พระองค์ทรงมีพระประสงค์มิให้เราคลาดสายตาไปจากพระมหากางเขน  ดังนั้นกางเขนจึงมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นตามข้างถนน  บนภูเขาและตามสี่แยกต่างๆ  เพื่อว่าเมื่อเรามองเห็นกางเขน เราจะกล่าวได้ว่า “ดูสิ พระเจ้าทรงรักเรานะ!”.    พระมหากางเขนโอบอุ้มโลกไว้ และถูกฝังอยู่ในโลกทั้ง 4 มุม มนุษย์ทุกคนจึงสามารถมีส่วนร่วมกับพระมหากางเขนได้เสมอ.   กางเขนต่างๆ มีอยู่ตามเส้นทางที่นำไปสู่สวรรค์ คล้ายกับการเดินบนสะพานหินข้ามแม่น้ำ  ขณะที่คริสตังที่ไม่ผ่านความทุกข์ทรมานจะเดินบนสะพานไม้ที่พร้อมที่จะพังเมื่อมีผู้ข้าม

          ผู้ที่ไม่รักพระมหากางเขนก็อาจได้รับความรอดด้วยความยากลำบากที่สุด เหมือนกับดาวดวงน้อยในท้องฟ้าที่กว้างใหญ่   ขณะที่ผู้ที่ผ่านความทุกข์ทรมานและต่อสู้เพื่อพระเจ้าจะเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอย่างรุ่งโรจน์   กางเขนต่างๆ เมื่อถูกเปลวไฟแห่งความรักเผาจะเปลี่ยนไปเหมือนกับกอหนามที่ถูกโยนเข้ากองไฟและเปลี่ยนสภาพ เป็นเถ้าธุลี  หนามที่แหลมคมจะกลายเป็นเถ้าธุลีที่อ่อนนุ่ม  วิญญาณที่เคยผ่านความทุกข์ทรมานเพื่อพระเจ้าจะกลายเป็นวิญญาณที่หอมหวานมากสักเพียงใด!  

          เมื่อเราไม่มีกางเขน เราก็จะแห้งเหี่ยว แต่เมื่อเรายอมแบกกางเขนโดยดี เราจะรู้สึกชื่นชมยินดี มีความสุขและสดชื่น... นี่คืออารัมภบทของการขึ้นสวรรค์.  พระเจ้าผู้พระทัยดี, พระนางพรหมจารี, นิกรเทวดาและบรรดานักบุญจะห้อมล้อมเรา อยู่เคียงข้างเราและแลเห็นเรา   ทางเดินในชีวิตหน้าของคริสตังที่ผ่านการทดลองเป็นเหมือนกับการนั่งบนเสลี่ยงและมีผู้แบกไปตามทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ  หนามแหลมทั้งหลายจะกลั่นเป็นน้ำหอม และพระมหากางเขนจะส่งกลิ่นหอมออกมา  แต่เราต้องบีบเค้นหนามด้วยมือของเราเสียก่อน และกดพระมหากางเขนให้อยู่ชิดกับหัวใจของเราเพื่อจะได้คั้นน้ำหวานที่ซ่อนอยู่ภายในออกมา

          พระมหากางเขนนำสันติสุขมาสู่โลกและสู่จิตใจของเรา   ความทุกข์ทั้งหลายเกิดจากการที่เราไม่รักพระมหากางเขน   ความกลัวกางเขนยิ่งเพิ่มความทุกข์มากขึ้น  กางเขนที่แบกได้อย่างสบาย  แบกโดยปราศจากความรักไม่ถือว่าเป็นกางเขน  เช่นเดียวกับความทุกข์ทรมานที่ผ่านไปด้วยความสุขสบายก็ไม่ถือว่าเป็นความทุกข์ทรมาน.  เมื่อเราบ่นว่าความทุกข์ทรมานได้  เราก็ควรจะมีเหตุผลมากยิ่งกว่าในการบ่นว่า “การที่ไม่ทุกข์ทรมาน” เนื่องจากไม่มีสิ่งใดทำให้เราเลียนแบบพระเยซูคริสตเจ้าได้มากกว่าการได้แบกพระมหากางเขนของพระองค์.   ช่างเป็นความสนิทสัมพันธ์ที่สวยงามจริงๆ เมื่อได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสตเจ้าในความรักและในบุญกุศลแห่งพระมหากางเขนของพระองค์!   พ่อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคริสตังไม่รักพระมหากางเขนและเผ่นหนีไปจากไปได้อย่างไร!  เขามิได้หนีไปจากพระองค์เมื่อพระองค์ทรงถ่อมองค์ลงมาถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์เพื่อเราหรือ?

          ความขัดแย้งต่างๆ นำเรามาสู่บริเวณเชิงกางเขนที่ปักอยู่ที่ประตูสวรรค์  และเราต้องถูกเหยียบย่ำ ถูกบดขยี้จนไม่เหลืออะไรก่อนที่จะเข้าไปยังสวรรค์ได้... ในโลกนี้ไม่มีผู้คนที่เป็นสุขนอกจากผู้ที่มีจิตใจที่สงบท่ามกลางมรสุมชีวิต  พวกเขาลิ้มรสความชื่นชมยินดีในการเป็นลูกของพระ... ความเจ็บปวดทั้งหลายเป็นสิ่งหอมหวานเมื่อเรานำเข้าร่วมสนิทสัมพันธ์กับพระเยซูคริสตเจ้า... ความทุกข์ทรมานมีความหมายอย่างไร?  เป็นระยะเวลาที่สั้นมาก  หากเราสามารถอยู่บนสวรรค์ได้ 1 สัปดาห์ เราจะเข้าใจคุณค่าของเวลาที่เราทุกข์ทรมานในโลกนี้ว่าเป็นระยะเวลาที่แสนสั้นจนเทียบไม่ได้เลยกับเวลาที่นานแสนนานของ 1 สัปดาห์บนสวรรค์ และเราจะเข้าใจว่ากางเขนที่เราแบกอยู่ในโลกนั้นไม่หนักพอกับรางวัลที่ได้รับบนสวรรค์เลย... ดังนั้นพระมหากางเขนจึงเป็นของกำนัลที่พระเจ้าประทานให้แก่มิตรสหายของพระองค์

           เป็นความสวยงามทีเดียวในการถวายตัวทุกเช้าเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าผู้พระทัยดี และยอมรับทุกสิ่งเพื่อชดเชยบาปของเรา  เราต้องสวดขอให้เรารักกางเขน แล้วกางเขนก็จะเป็นสิ่งที่น่ารัก

          พ่อพยายามแบกกางเขนมา 4-5 ปี  พ่อถูกผู้คนด่าว่า  ถูกคัดค้าน และถูกตำหนิมากมาย  พ่อแบกกางเขนจริงๆ  แบกหนักจนแทบจะแบกไม่ไหว  แต่แล้วพ่อก็สวดขอความรักกางเขนและพ่อก็เป็นสุข   พ่อบอกกับตัวเองว่า ไม่มีความสุขอื่นใดนอกจากกางเขน  เราต้องไม่คิดถึงที่มาของกางเขนต่างๆ ที่เราได้รับ  ถูกแล้วกางเขนมาจากพระ  พระให้กางเขนเราเพื่อให้เราพิสูจน์ความรักของเราที่มีต่อพระองค์

**** ขอบคุณข้อมูลจากคุณพ่อวิจิตต์ แสงหาญ เจ้าอาวาสวัดเซนต์จอห์น
แปลจาก http://saints.sqpn.com/stj18020.htm

ข่าว-ประชาสัมพันธ์

พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์และปิดการอบรมค่ายคำสอนภาคฤดูร้อน ปี 2025
วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2025 เวลา 09.30 น. พระคุณเจ้าซิสวีโอ สิริพงษ์ จรัสศรี...
ชุมนุมและฟื้นฟูจิตใจคริสตชนใหม่ สังฆมณฑลราชบุรี ครั้งที่ 3
👟"การจาริกแห่งความหวัง"ชุมนุมและฟื้นฟูจิตใจคริสตชนใหม่ สังฆมณฑลราชบุรี ครั้งที่ 3❤️วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2024 ศูนย์คริสตศาสนธรรม ราชบุรี...
นักศึกษาศูนย์คำสอนเชียงใหม่ มาศึกษาดูงาน
🎊ภราดาสารพัน แคเซอ ผู้รับผิดชอบศูนย์คำสอนเชียงใหม่ ได้นำนักศึกษา จำนวน 8 คน ผู้ดูแล 1 คน...

Youcat-คำสอนเยาวชน

Youcat 292 เราจะกระทำสิ่งเลวร้าย  เพื่อให้บังเกิดผลดีได้หรือไม่ ?
เราจะกระทำสิ่งเลวร้ายเพื่อให้บังเกิดผลดีได้หรือไม่ ? ไม่ได้ เราไม่สามารถกระทำสิ่งที่ชั่วร้าย หรือ...
Youcat 171 สาระสำคัญของพิธีกรรมทุกประการคืออะไร ?
สาระสำคัญของพิธีกรรมทุกประการคืออะไร ? #YOUCAT 171 บอกเราว่า...
Youcat 97 ชาวยิวรู้สึกผิดต่อการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าหรือไม่ ?
ชาวยิวรู้สึกผิดต่อการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูเจ้าหรือไม่ ? ํ#YOUCAT 97 บอกเราว่า......

พระวาจานำชีวิต

เชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าเชื่อฟังมนุษย์
เราต้องเชื่อฟังพระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์ เพราะพระองค์ทรงรักเรา ไม่ทรงต้องการให้เราเสียคน แต่ช่วยเราให้เอาวิญญาณรอดไปสวรรค์ให้พระวาจาพระเจ้านำชีวิตเราในการเชื่อฟังพระองค์โนอาห์กระทำเช่นนี้ เขาทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชาทุกประการ...
การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นความหวังของเรา
ขอให้การกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าเป็นความหวังแก่เราให้พระวาจาพระเจ้าเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตติดตามพระองค์ทูตสวรรค์กล่าวแก่สตรีทั้งสองคนว่า “อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านกำลังมองหาพระเยซู ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่...
มอบตนแด่พระเจ้าโดยสิ้นเชิง
พระเยซูเจ้าเป็นต้นแบบแก่เราในการมอบตนแด่พระเจ้าโดยสิ้นเชิง ในเหตุการณ์การเสด็จเข้าสู่กรุงเยรูซาเล็มอย่างสง่าในอาทิตย์ใบลาน และจะเข้าสู่สัปดาห์แห่งพระมหาทรมานของพระองค์ ขอพระวาจาพระเจ้าช่วยเราให้มอบตนแด่พระเจ้าเช่นกัน จงวางอาวุธเถิด...

คู่มือแนะแนวการสอนคำสอน ค.ศ.2020

DC222 เป็นการเหมาะสมที่จะสะท้อนให้เห็นถึงสถานที่โดยเฉพาะสำหรับการสอนคำสอนในฐานะเครื่องมือการประกาศและการศึกษาในความสัมพันธ์ของมนุษย์
พื้นที่สำหรับการสอนคำสอน เป็นที่ที่จัดให้ชุมชนแสดงออกถึงวิธีการประกาศข่าวดีของตนในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมในปัจจุบัน เป็นการเหมาะสมที่จะสะท้อนให้เห็นถึงสถานที่โดยเฉพาะสำหรับการสอนคำสอนในฐานะเครื่องมือการประกาศและการศึกษาในความสัมพันธ์ของมนุษย์ ดังนั้น จึงจำเป็นที่สภาพแวดล้อมดังกล่าวจะได้รับการต้อนรับและได้รับการดูแลอย่างดีเพื่อสื่อถึงบรรยากาศแห่งความคุ้นเคยที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างสงบในกิจกรรมของชุมชนสภาพแวดล้อมที่แพร่หลายมากที่มีลวดลายหลังจากอาคารเรียนไม่ได้เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการเผยแพร่กิจกรรมทางคำสอน...
DC220  การปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างผู้คนทำให้กลุ่มเป็นสถานที่ที่มีการแลกเปลี่ยนและการสื่อสารที่ลึกซึ้งเบ่งบาน
การปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างผู้คนทำให้กลุ่มเป็นสถานที่ที่มีการแลกเปลี่ยนและการสื่อสารที่ลึกซึ้งเบ่งบานเมื่อสิ่งนี้เข้มข้นและมีประสิทธิภาพกลุ่มจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุดในการสนับสนุนการเติบโตของสมาชิกของตน ในความเป็นจริงของพระศาสนจักรกลุ่มได้รับการทำให้มีชีวิตชีวาโดยพระจิตเจ้าผู้สร้างสรรค์แท้จริงของความก้าวหน้าในความเชื่อทั้งหมด อย่างไรก็ตามการเปิดกว้างต่อพระหรรษทานนี้ไม่สามารถลดทอนการฝึกฝนในการเรียนการสอนได้ซึ่งมองว่ากลุ่มในฐานะความจริงทางสังคมประกอบด้วยพลังและกฎแห่งการเติบโตของตนเอง ความสามารถในการมีส่วนร่วมเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ สามารถเป็นวิธีการที่ถูกต้องเพื่อเสริมสร้างความรู้สึกของเอกลักษณ์และความเป็นสมาชิกเพื่ออำนวยความสะดวกในการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของสมาชิกแต่ละคนส่งเสริมกระบวนการของการทำให้เกิดความเชื่อภายในและจัดการกับความตึงเครียดระหว่างบุคคลในเชิงบวก...

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

เนื้อหาและบทเรียน

คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

หนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก(CCC)

สารคำสอน 182 (ปีการศึกษา2023)

สารคำสอน 182 (ปีการศึกษา2023)

เรียนคำสอนกับพ่อวัชศิลป์

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์

สถิติการเยี่ยมชม

0.png5.png2.png7.png4.png9.png0.png
วันนี้3384
เมื่อวานนี้2336
สัปดาห์นี้7782
เดือนนี้35398
ทั้งหมด527490

ขณะนี้มีผู้เยี่ยมชม

39
Online

วันพุธ, 14 พฤษภาคม 2568 14:26