CCP ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 บทเรียนที่ 20
พระนางมารีย์ ดวงดาราแห่งความหวัง
จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
1. รู้และเห็นแบบอย่างของพระนางมารีย์ ดวงดาราแห่งความหวัง
2. ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากในชีวิต
3. ยึดมั่นในความเชื่อและวอนขอความคุ้มครองจากพระนางมารีย์ในการดำเนินชีวิต
กิจกรรม ดวงดาราแห่งความหวัง
อุปกรณ์ ภาพพระนางมารีย์ ดวงดาราแห่งความหวัง
ดำเนินการ ให้ผู้เรียนดูรูปดวงดาราแห่งความหวัง (สามารถค้นหาในอินเตอร์เน็ตได้)

วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
1. เคยเห็นภาพนี้หรือไม่ รู้หรือไม่ว่าบุคคลในภาพนี้เป็นใคร (ให้ผู้เรียนช่วยกันตอบ)
2. เห็นอะไรในภาพบ้าง (แม่พระ, ดวงดาว, ทะเล, คลื่น, เมฆ, ลมพายุ)
3. เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกอย่างไร (กลัว, ชอบ, อบอุ่น ฯลฯ)
4. อยากเป็นอะไรในภาพนี้ เพราะอะไร (ให้ผู้เรียนช่วยกันแบ่งปัน)
สรุป รูปนี้เป็นรูปพระนางมารีย์ดวงดาราแห่งความหวัง
คำสอน
1. ในสมัยก่อน นักเดินทางจะใช้การสังเกตดวงดาวเป็นเครื่องมือสำคัญในการเดินทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน พวกเขาต้องใช้ดวงดาว เป็นตัวช่วยในการกำหนดทิศทาง และนำทางไปยังจุดหมายปลายทางโดยเฉพาะนักเดินเรือในสมัยโบราณ มักใช้การสังเกตดวงดาวเพื่อกำหนดเส้นทางเดินเรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลที่ไม่มีสิ่งใดเป็นเครื่องหมายนำทาง ต่อมามีการพัฒนาเครื่องมือต่าง ๆ เช่น แผนที่ เข็มทิศ และเครื่องมือวัดมุมดาว (Quadrant) เพื่อช่วยในการนำทางให้แม่นยำยิ่งขึ้น ปัจจุบันการนำทางได้เปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ระบบ GPS ซึ่งมีความแม่นยำและสะดวกสบายกว่า แต่แม้ว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการนำทางในปัจจุบัน แต่อย่าไว้ใจ GPS มากเกินไป เพราะ GPS พาหลงทางไปก็มาก และบางคนที่เกิดอุบัติเหตุเพราะ GPS นำพาไปก็มี
2. ชีวิตคริสตชนเป็นการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทาง คือชีวิตนิรันดรซึ่งการเดินทางของชีวิตไม่ง่าย กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทาง เราอาจจะเจอกับปัญหาอุปสรรคบ้างไม่มากก็น้อย หากเปรียบชีวิตเสมือนการเดินทางในทะเล ปัญหาและอุปสรรคอาจจะเปรียบเป็นความมืดและพายุ การเดินทางในทะเล เป็นการเดินทางที่เรามองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง เราจึงต้องมองหาดวงดาวที่จะช่วยนำทางให้เรา เช่นเดียวกัน หากพระเจ้าเป็นจุดหมายปลายทางของเรา การจะไปถึงพระเจ้าได้ก็ต้องอาศัยแสงสว่างที่อยู่ใกล้ ๆ เรา ซึ่งก็หมายถึงบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนเราแล้วนั่นเอง เป็นการเดินทางตามรอยเท้าของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นความหวังที่ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่หลงทางและมั่นใจว่าจะไปถึงซึ่งจุดหมายปลายทางได้อย่าถูกต้องแน่นอน
3. ประจักษ์พยานของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ มีวิถีทางดำเนินชีวิตที่หลากหลาย การดำเนินของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นขุมทรัพย์ที่มีค่าของพระศาสนจักร “เราพบประจักษ์พยานสูงสุดแห่งความหวังในพระนางมารีย์ พระมารดาของพระเจ้า พระนางมารีย์ช่วยเราให้เข้าใจได้ว่า ความหวังนั้นไม่ใช่การมองโลกในแง่ดีแบบไร้เดียงสา แต่เป็นของขวัญแห่งพระหรรษทาน ท่ามกลางความเป็นจริงของชีวิต เหมือนแม่ทุกคน” (Spes Non Confundit 24)
4. พระนางมารีย์เป็นแสงสว่างนั้นให้แก่เรา พระนางมารีย์เป็นแบบอย่างให้กับเรา แม้ว่าชีวิตของพระนางจะพบกับความยากลำบากมากมาย ตั้งแต่การตั้งครรภ์การบังเกิดของพระกุมารในถ้ำเลี้ยงสัตว์ แม้จะต้องลี้ภัยไปที่ประเทศอียิปต์ แต่พระนางมารีย์และนักบุญโยเซฟก็ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก แต่ทรงเอาใจใส่เลี้ยงดูพระเยซูเจ้าจนเติบโต เมื่อพระเยซูเจ้าทรงออกเทศนา พระนางมารีย์ก็คอยติดตามช่วยเหลือ ให้กำลังใจอยู่เสมอและสุดท้ายพระนางมารีย์ก็ได้ยืนอยู่แทบเชิงกางเขนของพระเยซูเจ้า ได้เห็นพระองค์สิ้นพระชนม์อย่างสุดแสนทรมาน ได้สวมกอดพระศพของพระเยซูคริสต์เป็นครั้งสุดท้ายเหมือนได้สวมกอดครั้งแรกเมื่อพระองค์บังเกิดมาณ แทบเชิงกางเขนนี้แหละ พระเยซูเจ้าได้มอบพระนางมารีย์ให้เป็นแม่ของเราทุกคน พระองค์ตรัสกับพระนางว่า“นี่คือลูกของแม่” แล้วตรัสกับศิษย์ผู้นั้นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” นับตั้งแต่นั้น ศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางเป็นมารดาของตน (ยน. 19:26-27) พระนางมารีย์ก็กลายเป็นแม่ของเรานับแต่นั้นเป็นต้นมา
5. แม้จะต้องพบกับความทุกข์ยากลำบาก ความโศกเศร้า พระนางมารีย์ยังคงระลึกถึงคำตอบรับของพระนางอยู่เสมอพระนางไม่ทรงละทิ้งความหวังและความไว้วางใจในพระเจ้า“ในความทุกข์ที่พระนางถวายตัวด้วยความรักนั้น พระนางมารีย์จึงกลายเป็นพระมารดาแห่งความหวังของเรา จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ที่ผู้คนมากมายเรียกขานพระนางว่า สแตลลามาริส ซึ่งเป็นพระนามที่สื่อถึงความหวังอันแน่นอนท่ามกลางพายุในชีวิตนี้ พระมารดาของพระเจ้าจึงเสด็จมาเพื่อช่วยเหลือค้ำจุนเรา และกระตุ้นให้เราพากเพียรด้วยความหวัง และความไว้วางใจในพระเจ้า” (Spes Non Confundit 24)
6. ให้เราก้าวเดินในปีศักดิ์สิทธิ์นี้ด้วยความหวัง โดยยึดแบบอย่างของพระนางมารีย์ ประจักษ์พยานสูงสุดแห่งความหวัง ให้เราดำเนินชีวิตมีความเชื่อ ความหวังและความรัก ดังเช่นพระนางมารีย์ และมอบตัวของเราไว้ในความคุ้มครองของพระนางมารีย์ ผู้ซึ่งไม่เคยทอดทิ้งลูก ๆ ของพระนางเพราะพระนางทรงเป็น “เครื่องหมายแห่งความบรรเทาใจและเป็นความหวังที่มั่นคงแน่นอน สำหรับประชากรศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า” (Spes Non Confundit 24) ด้วยการสวดบทวันทามารีย์ก่อนนอนทุกวัน
ก. ข้อควรจำ
1. พระนางมารีย์เป็นแบบอย่างแก่เรา แม้ว่าชีวิตของพระนางมารีย์จะพบกับความยากลำบากมากมาย แต่พระนางไม่ละทิ้งความหวังและความไว้วางใจในพระเจ้าอยู่เสมอ
2. ในความทุกข์ที่พระนางถวายแด่พระเจ้าด้วยความรัก พระนางมารีย์จึงกลายเป็นพระมารดาแห่งความหวังของเรา ผู้คนมากมายเรียกกขานพระมารดามารีย์ว่า สแตลลามาริส
3. พระมารดาของพระเจ้าเสด็จมาเพื่อช่วยเหลือ ค้ำจุนเรา และกระตุ้นให้เราพากเพียรด้วยความหวังและความไว้วางใจในพระเจ้าเสมอไป
4. พระคัมภีร์กล่าวแก่เราว่า เรามีความหวังนี้เป็นดังสมอเรือที่มั่นคงปลอดภัยสำหรับชีวิต (ฮบ. 6:18-20) ถ้อยคำเหล่านี้เป็นกำลังใจที่เข้มแข็งให้เรา เพื่อมิให้เราสูญเสียความหวังที่เราได้รับ และยึดมั่นในความหวังนั้น เราจะพบที่ลี้ภัยและพละกำลังของเราในองค์พระผู้เป็นเจ้า
5. ให้เรายึดแบบอย่างของพระนางมารีย์ประจักษ์พยานสูงสุดแห่งความหวัง ดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ ความหวังและความรัก
6. ให้เรามอบตัวของเราแด่พระนางมารีย์ ด้วยการสวดบทวันทามารีย์ก่อนนอนทุกคืน เพื่อขอความคุ้มครองจากพระนาง
ข. กิจกรรม ระบายสีรูปพระนางมารีย์ และเขียนคำภาวนา
อุปกรณ์ 1. ใบงานรูปพระนางมารีย์ดวงดาราแห่งความหวัง 2. สีไม้
ดำเนินการ
1. ตั้งรูปพระนางมารีย์ดวงดาราแห่งความหวัง หากไม่มีสามารถนำรูปแม่พระอื่นมาแทน
2. แจกใบงาน พระนางมารีย์ดวงดาราแห่งความหวัง ให้ผู้เรียนแต่ละคน
3. ให้ผู้เรียนระบายสี และเขียนคำภาวนาให้พระนางมารีย์ปกป้องคุ้มครองดูแลชีวิตของเรา

ค. การบ้าน สวด “บทวันทามารีย์” ฝากตัวเราไว้ในความคุ้มครองของพระนางมารีย์ก่อนนอนทุกคืน
::: Download บทเรียนที่ 20 ::

