ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

 บทเรียนที่ 11 เครื่องหมายแห่งความหวังของบรรดาผู้สูงอายุ

CCP ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 บทเรียนที่ 11 
เครื่องหมายแห่งความหวังของบรรดาผู้สูงอายุ

จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ       
          1. รู้และเข้าใจสภาพของบรรดาผู้สูงอายุ ที่มักถูกมองข้ามและถูกทอดทิ้ง
          2. ตระหนักถึงความสำคัญและเห็นคุณค่าของผู้สูงอายุ ที่มีประสบการณ์ชีวิตที่ล้ำค่าเป็นแหล่งปรีชาญาณของครอบครัวและสังคม
          3. เป็นเครื่องหมายของความหวังให้แก่บรรดาผู้สูงอายุ โดยดูแลเอาใจใส่ ให้เวลาเห็นความสำคัญและไม่ทอดทิ้งพวกเขา

กิจกรรม   ชมคลิป “Lost Letter-จดหมายผิดบ้าน” (17.45 นาที)


อุปกรณ์   1. คลิปจาก Youtube                          2. TV หรือเครื่องฉายโปรเจคเตอร์
                3. Notebook หรือเครื่องเล่นไฟล์วิดีโอ 4. ลำโพงขยายเสียง

 

ดำเนินการ
     1. เปิดคลิป “Lost Letter-จดหมายผิดบ้าน” ให้ผู้เรียนดู
     2. ให้ผู้เรียนพยายามสังเกตและจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคลิปนี้ให้ได้มากที่สุด หลังจบคลิปมีการถามคำถามและให้รางวัล

 

วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน       
           

1. จากคลิปนี้ มีใครบ้างที่เราจดจำได้ (คุณยาย, แม่และลูกสาว, ผู้หญิงที่อยู่บ้านคนเดียว)
2. มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง หรือใครจดจำเหตุการณ์อะไรบ้าง (ให้ผู้เรียนช่วยกันตอบ)
     * คุณยายกำลังนั่งเขียนจดหมายอยู่บนบ้าน แม่และลูกสาวข้างบ้านแวะมาทักทาย พูดคุยและนำบัวลอยมาให้
     * คุณยายพูดกับรูปถ่ายของสามี ที่เสียชีวิตไปแล้ว
     * คุณยายเปิดกล่องและนำรูปผู้หญิงคนหนึ่งออกมาดู
     * ผู้หญิงวัยรุ่นอยู่บ้านคนเดียวเดินออกมาดูและเปิดกล่องจดหมายหน้าบ้าน และนำเอาเข้าในบ้าน
     * คุณยายนั่งถักไหมพรม
     * หญิงสาวนั่งอยู่ต่อหน้าภาพถ่ายของแม่ ว่าซื้อกับข้าวของโปรดของแม่มาด้วย
     * หญิงสาวคนนั้นชื่อ “เจน” และอ่านจดหมายของคุณยาย เริ่มสงสารคุณยายที่สายตาเริ่มไม่ดี
     * เจนส่งแว่นตาไปให้คุณยาย
     * คุณยายส่งผ้าพันคอมาให้เจน
     * เจนเริ่มกังวลเมื่อไม่ได้รับจดหมายจากคุณยายที่หายไป 2-3 วัน
     * เมื่อเจนรู้ว่าคุณยายไม่สบายหนัก ก็เลยออกเดินทางไปตามหาจากเลขที่บ้านในจดหมาย และจากการถามหาคนแถวนั้น ด้วยรูปถ่ายที่คุณยายส่งให้เจนดูเป็นรูปสมัยที่คุณยายถ่ายกับลูกสาว
     * เจนขึ้นไปหาคุณยายบนบ้าน และคุณยายก็ค่อย ๆ หลับไป (เสียชีวิต) ฯลฯ

3. ใครพอจะสรุปเรื่องนี้ได้บ้าง (คุณยายชื่อยายศรี อยู่ตัวคนเดียวเนื่องจากสามีและลูกสาวตายไปนานแล้ว ยายรักลูกมากและเข้าใจว่าลูกสาวยังไม่ตาย แค่ไปทำงานนอกบ้าน ยายเขียนจดหมายอย่างสม่ำเสมอถึงลูกสาว เรารู้เพราะตอนที่ยายพูดกับภาพสามีว่า ช่วงนี้ลูกไม่ตอบจดหมายและไม่กลับมาหาเลย คิดถึงลูก
          เจนที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังนั้น ซึ่งเดาว่าเป็นบ้านหลังเก่าของลูกสาวยาย จึงได้รับจดหมายจากยายอยู่เรื่อย ๆ เมื่อได้อ่านบ่อย ๆ เกิดเป็นความสงสาร จึงได้เขียนจดหมายตอบกลับไปมา กลายเป็นความผูกพันแม้ไม่ได้พบกัน เพราะเจนรู้สึกว่ายายมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนแม่ของตนที่เสียชีวิตไปแล้ว แถมยังถักผ้าพันคอให้เหมือนที่แม่เคยถักให้เจนด้วย เมื่อเจนรับรู้จากจดหมายฉบับล่าสุดว่าคุณยายไม่สบายหนักมาก อยากพบลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย เจนจึงรีบเดินทางไปหาคุณยายก่อนสิ้นลม ซึ่งคุณยายก็ยังเข้าใจว่าเจนเป็นลูกสาวของตน)
4. ในเรื่องนี้มีคนใจดีกี่คน มีใครบ้าง เรารู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาเป็นคนใจดี
      * แม่ลูก 2 คนข้างบ้านที่แวะมาทักทายคุณยายอยู่บ่อย ๆ ฉากแรกได้นำบัวลอยมาให้ และคุณยายได้พูดว่า 2 คนนั้นแบ่งของกินของใช้ให้ตลอดตั้งแต่ที่สามีคุณยายยังอยู่
       *เจน หญิงวัยรุ่นที่แม้จะไม่ใช่ลูกหลาน แต่เขาใส่ใจ ห่วงใย สงสารซึ่งเขาจะไม่อ่านจดหมายก็ได้ ทิ้งไปก็ได้ แต่เมื่อเปิดอ่านไปเรื่อย ๆทำให้เขาเกิดความผูกพัน อาจเป็นเพราะเขาเองก็อยู่ตัวคนเดียวเพราะแม่เสียชีวิตไปแล้ว)
5. ใครบ้างที่เคยทำแบบคนใจดีในคลิปนี้ ทำแล้วรู้สึกอย่างไร (ให้ผู้เรียนแบ่งปัน)
6. จากคลิปที่ดูจบไป ประทับใจหรือได้ข้อคิดอะไรบ้าง (ให้ผู้เรียนแบ่งปัน)

 

                 สรุป เรากำลังอยู่ในสังคมที่มีผู้สูงอายุเป็นส่วนใหญ่ เป็นวัยที่หลายคนมองข้าม เพราะดูเหมือนเป็นภาระทำงานก็ไม่ได้ ความจำก็ไม่ดี แต่ก่อนที่พวกเขาจะเป็นผู้สูงอายุ พวกเขาก็เคยดำเนินชีวิตเช่นวัยรุ่นหนุ่มสาวมาก่อน เคยสร้างประโยชน์และเป็นที่พึ่งพิงของคนในครอบครัว เป็นผู้ให้กำเนิด ให้คำแนะนำและเป็นที่มั่นคุ้มภัยยามคนในครอบครัวเกิดปัญหาในชีวิต หากในครอบครัว หรือในสังคมของเรามีผู้สูงอายุอยู่ด้วยกัน ก็ขอให้เราให้ความสำคัญและช่วยเหลือดูแลท่านเหมือนกับในคลิปที่เราได้ชมไป

 

คำสอน                                                                                   

           1. หากใครติดตามเพจรุงรังไดอารี่ เราจะคุ้นเคยและได้ยินชื่อ “คุณย่ากระต่าย” กันมาบ้างปัจจุบันเพจมีผู้ติดตามจำนวน 1.7 แสนคน คุณย่ากระต่ายเป็นผู้สูงวัยที่น่ารัก สดใส แข็งแรงและทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ ที่สำคัญมีหลาน ๆ ที่คอยผลัดเปลี่ยนกันมาดูแล มาชวนทำกิจกรรมสนุก ๆ ตามกระแสที่เป็นไวรัลอยู่เนือง ๆ แต่คุณย่าก็ใช่ว่าจะตามใจหลานไปซะทุกเรื่องเพราะเมื่อถึงขั้นต้องสอน อบรม คุณย่าก็ไม่รอช้าที่จะพูด จะเตือน ด้วยถ้อยคำที่ดูอบอุ่นแต่จริงจัง และบางทีหลาน ๆ ก็แกล้งคุณย่าจนทำให้เห็นความน่ารักอยู่เรื่อย ๆ ทำให้เห็นว่าครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อการดูแลใส่ใจกันและกัน ซึ่งก็เกี่ยวเนื่องกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเรื่องฐานะการเงิน อาชีพของสมาชิกในบ้านเวลาที่มีให้กัน ทำให้ครอบครัวของคุณย่ากระต่ายเป็นความน่ารักสดใส ที่แม้จะมีความต่างของวัยแต่ก็ใช้ชีวิตร่วมกันด้วยความสุข เชื่อว่ายังมีอีกหลายครอบครัวที่ดูแลกันและกันอย่างดีเพียงแต่ไม่ได้ออกสื่อ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีอีกหลายครอบครัวเช่นกัน ที่ผู้สูงอายุถูกละเลย ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่ตามที่ควรจะได้รับ

 

            2. พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่มทุกวัย ในสมณโองการปีศักดิ์สิทธิ์แห่งความหวัง ค.ศ. 2025พระองค์ทรงกล่าวถึงบรรดาผู้สูงอายุที่ใคร ๆ อาจหลงลืมและละเลยไว้ด้วยว่า “บรรดาผู้สูงอายุที่บ่อยครั้งรู้สึกโดดเดี่ยวและถูกทอดทิ้ง ก็เป็นเครื่องหมายแห่งความหวังได้เช่นกัน พวกท่านได้รับการยกย่องว่ามีทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าด้วยประสบการณ์ชีวิต ปรีชาญาณที่สั่งสมไว้ และความร่วมมือที่พวกท่านยังสามารถทำได้ จึงเป็นหน้าที่ของชุมชมคริสตชนและสังคม ที่ต้องร่วมมือกันในการเสริมสร้างพันธสัญญาระหว่างชนหลายรุ่น ในที่นี้ข้าพเจ้าขอกล่าวถึงรุ่นปู่ย่าตายาย ซึ่งเป็นตัวแทนของการส่งต่อความเชื่อและปรีชาญาณสู่คนรุ่นใหม่ ขอให้พวกท่านได้รับการค้ำจุนจากความกตัญญู และความรัของบรรดาลูกหลาน ซึ่งจะทำให้ลูกหลานค้นพบรากเหง้าของพวกเขา และเป็นที่มาของความเข้าใจและกำลังใจสำหรับพวกเขา” (Spes Non Confundit 14)

 

           3. ในปี ค.ศ. 2021 ในสมณสมัยของพระองค์ ทรงประกาศให้วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม เป็น “วันอาทิตย์เฉลิมฉลองวันปู่ย่าตายายและผู้สูงอายุ” เพื่อระลึกถึงบทบาทสำคัญของผู้สูงอายุในพระศาสนจักรและในชีวิตคริสตชน ซึ่งใกล้เคียงกับ “วันฉลองนักบุญยออากิมและนักบุญอันนา” ในฐานะคุณตาคุณยายของพระเยซูเจ้า ที่ทำการฉลองในวันที่ 26 กรกฎาคมของทุกปี และท่านทั้งสองเป็นแบบอย่างของบรรดาปู่ย่าตายายและผู้อาวุโสคริสตชน พระสันตะปาปาฟรังซิสตรัสไว้ว่า “ผู้สูงอายุไม่ใช่เพียงผู้ที่ผ่านกาลเวลา แต่คือผู้พิทักษ์รากฐาน ผู้มีภารกิจในการถ่ายทอดความฝัน ความหวัง และความศรัทธา” (สาสน์ในปี 2021)โดยมีวัตถุประสงค์หลัก ๆ ในการกำหนดให้มีการฉลองวันปู่ย่าตายายและผู้สูงอายุนี้ คือ
1) ย้ำถึงคุณค่าแห่งผู้สูงอายุ ที่เป็น “รากฐานทางความเชื่อ” ของครอบครัวและพระศาสนจักร
2) เชิดชูบทบาทของปู่ย่าตายาย ผู้ถ่ายทอดความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่น
3) ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ตามแนวคิดของ Synodality “ซีนอดาลิตี้”
4) ให้กำลังใจแก่ผู้สูงอายุ ที่อาจรู้สึกโดดเดี่ยว หรือถูกลืมเลือนในสังคมยุคปัจจุบัน
5) ส่งเสริมการจาริกทางจิตใจ ให้ผู้สูงวัยตระหนักถึงบทบาทของตนในพันธกิจของพระเจ้า

 

           4. ด้วยอายุและสภาพร่างกายที่ค่อย ๆ ถดถอยลงตามความสูงวัยของพวกท่าน อาจไปวัดร่วมมิสซาไม่ค่อยไหวหรือร่วมกิจกรรมกับทางวัดหรือชุมชนได้น้อยลง แต่หากสังเกต เราจะเห็นและสัมผัสได้ว่ายามว่าง มือของท่านยังถือสายประคำอยู่เสมอ ยังสวดภาวนาให้กับลูกหลาน ให้กับคนในครอบครัว นี่เป็นวิธีส่งต่อและรักษาความเชื่อของครอบครัวในรูปแบบหนึ่งของผู้สูงวัยที่มีต่อเรา เชิญชวนเราในฐานะคริสตชนคนรุ่นใหม่ให้ทำในสิ่งที่สามารถทำได้เพื่อเป็นแสงแห่งหวังสำหรับบรรดาผู้สูงอายุ ดั่งเช่นแม่ลูก 2 คนในคลิปที่แบ่งปัน ห่วงใย ถามไถ่คุณยาย แม้ไม่ใช่คนในครอบครัว หรือ เจน ที่ในความเป็นจริงไม่ต้องสนใจก็ได้ แต่สิ่งเล็กน้อยที่เจนทำ ได้ทให้ผู้สูงอายุคนหนึ่งกลับมามีชีวิตชีวา มีความสุข มีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตและเห็นคุณค่าของตน ซึ่งเราอาจไม่ต้องมองหาไกล เพียงเริ่มจากผู้สูงอายุในครอบครัวปู่ย่าตายายของเรา โดยให้การดูแลเอาใจใส่ ถามไถ่ ชวนคุย ไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดหรือรำคาญต่อท่าน มอบความรัก ความห่วงใยในขณะที่ท่านยังอยู่บนโลกนี้เพื่อให้ชีวิตช่วงสุดท้ายของท่าน เป็นช่วงที่ล้ำค่าและมีความสุข

“ถ้าผู้ใดไม่เอาใจใส่ดูแลญาติพี่น้องของตน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน
ก็เท่ากับว่าได้ปฏิเสธความเชื่อและเลวยิ่งกว่าผู้ไม่มีความเชื่อเสียอีก” (1 ทธ. 5:8)

 

 

ก. ข้อควรจำ
   1. ปู่ย่าตายาย เป็นตัวแทนของการส่งต่อความเชื่อและปรีชาญาณสู่คนรุ่นใหม่ ขอให้พวกท่านได้รับการค้ำจุนจากความกตัญญูและความรักของบรรดาลูกหลาน
   2. พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงประกาศให้วันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม เป็น “วันอาทิตย์เฉลิมฉลอง วันปู่ย่า ตายาย และผู้สูงอายุ”
   3. วันฉลองนักบุญยออากิมและนักบุญอันนา ตรงกับวันที่ 26 กรกฎาคมของทุกปี ท่านทั้งสองเป็นแบบอย่างของบรรดาปู่ย่าตายายและผู้อาวุโสคริสตชน
   4. การสวดภาวนาให้กับลูกหลาน ให้กับคนในครอบครัว เป็นวิธีส่งต่อและรักษาความเชื่อของครอบครัวในรูปแบบหนึ่งของผู้สูงวัยที่มีต่อเรา
   5. ถ้าผู้ใดไม่เอาใจใส่ดูแลญาติพี่น้องของตน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ก็เท่ากับว่าได้ปฏิเสธความเชื่อและเลวยิ่งกว่าผู้ไม่มีความเชื่อเสียอีก (1 ทธ. 5:8)
   6. ให้เราเริ่มจากผู้สูงอายุในครอบครัว ปู่ย่าตายายของเรา โดยให้การดูแลเอาใจใส่ ถามไถ่ ชวนคุย ไม่แสดงท่าทีหงุดหงิดหรือรำคาญต่อท่าน

 

ข. กิจกรรม  ส่งต่อความรัก

อุปกรณ์ 1. ใบงาน ส่งต่อความรัก หน้า 71 2. ดินสอ/ปากกา 3. สีไม้/สีเมจิก

 

ดำเนินการ
         1. ให้ผู้เรียนเขียนคำภาวนา เพื่อขอบคุณหรือให้กำลังใจคุณตาคุณยายที่บ้าน 1 ฉบับ และตกแต่งให้สวยงาม
         2. หากที่บ้านไม่มีผู้สูงอายุ ให้ผู้เรียนเขียนและมอบให้กับปู่ย่าตายายของเพื่อนให้ห้องก็ได้

 

หรือ โครงการปันรัก ปันน้ำใจ
         1. ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกันคิดกิจกรรมหรือโครงการที่สามารถทำได้จริง ในการให้กำลังใจทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตแก่คนที่ยากจน ขัดสนหรือผู้อพยพ ที่อยู่รอบ ๆ โรงเรียนหรือชุมชนของเรา อาจจะเป็นคนงานในโรงเรียน รปภ. แม่บ้าน ที่ย้ายถิ่นฐานมาทำงานไกลจากบ้านหรือเพื่อนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์
         2. ผู้สอนให้คำแนะนำ ติดตามและร่วมทำโครงการไปกับผู้เรียนด้วย เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ความเป็นหนึ่งเดียวและการทำงานร่วมกัน
         3. หลังทำกิจกรรมให้มีการประเมินการทำงาน ให้ผู้เรียนได้แบ่งปันประสบการณ์ ความรู้สึกจากการทำกิจกรรมนี้ผู้สอนให้กำลังใจผู้เรียนในการทำกิจการดีต่อไป

 

ค. การบ้าน                    

         1. กลับไปเล่าเรื่องราวในคลิป Lost Letter-จดหมายผิดบ้าน ให้ผู้ปกครองฟัง รวมทั้งข้อคิดที่ได้จากการดูคลิปนั้น

         2. ให้ผู้เรียนกลับไปเขียนคำภาวนา ในใบงานที่ผู้สอนแจกให้อีก 1 แผ่นและตกแต่งให้สวยงาม เพื่อให้กำลังใจปูย่า-ตายาย ที่อยู่ในบ้านพักผู้สูงอายุในเขตวัด ชุมชน หรือในสังฆมณฑลของเรา อาจให้ผู้ปกครองช่วยกันคิดว่าจะภาวนาว่าอะไรบ้าง และตรวจทานคำภาวนาที่ผู้เรียนเขียน ก่อนนำมาส่งผู้สอนเพื่อนำส่งไปยังบ้านพักผู้สูงอายุในเขตวัด ชุมชน หรือในสังฆมณฑลของเราต่อไป

         3. ชวนครอบครัว
• สวดภาวนาร่วมกัน และไปร่วมมิสซาในวันอาทิตย์
* ขอมิสซาพิเศษเพื่ออุทิศแด่ดวงวิญญาณของปู่ย่าตายายของเราที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
* ขอมิสซาสุขสำราญสำหรับปู่ย่าตายายที่ยังมีชีวิตอยู่ หากพาผู้สูงอายุในบ้านไปร่วมด้วยก็จะเป็นการดี
• ไปเยี่ยมผู้สูงอายุที่ยากจน ที่อยู่คนเดียว ไม่มีคนดูแล ในบริเวณใกล้ ๆ บ้านเราหรือในชุมชน นำอาหาร ขนมของใช้ที่จำเป็นไปให้ท่าน
• ไปเยี่ยมคนชราที่บ้านพักผู้สูงอายุ ที่อยู่ในความดูแลของคณะนักบวช องค์กรหรือหน่วยงานคาทอลิก รวมถึงที่อื่น ๆ ตามสะดวก

 

       ::: Download บทเรียนที่ 11 ::

 

 

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

เนื้อหาและบทเรียน