CCP ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 บทเรียนที่ 10
เครื่องหมายแห่งความหวังของบรรดาผู้อพยพและคนยากจน
จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
1. รู้และเข้าใจถึงความยากลำบาก และความปรารถนาในการมีชีวิตที่ดีของบรรดาผู้อพยพ และคนยากจน
2. ตระหนักและเห็นคุณค่าของบรรดาผู้อพยพยและคนยากจน
3. เป็นผู้หนึ่งที่นำความหวังและส่งเสริมสิทธิแก่บรรดาผู้อพยพและคนยากจน ตามกำลังความสามารถของตน
กิจกรรม ปริศนาอักษรไขว้
อุปกรณ์ 1. ใบความรู้พระคัมภีร์และคำใบ้ปริศนาอักษรไข้ว ตามจำนวนผู้เรียน
2. ใบงานปริศนาอักษรไขว้ ตามจำนวนกลุ่ม
3. รางวัล
*** ดูเฉลยกิจกรรมได้ที่ไฟล์ Download ท้ายบทเรียน ***
ดำเนินการ
1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน หรือขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้สอน
2. แจกใบความรู้พระคัมภีร์และคำใบ้ปริศนาอักษรไขว้ ให้ผู้เรียนคนละ 1 แผ่น และใบงานปริศนาอักษรไขว้ กลุ่มละ 1 แผ่น
3. ให้ผู้เรียนช่วยกันค้นหาคำจากใบความรู้พระคัมภีร์และคำใบ้ปริศนาอักษรไขว้ และนำมาเขียนลงในใบงานปริศนาอักษรไขว้ ตามแนวตั้งและแนวนอนให้ถูกต้องสมบูรณ์
4. กลุ่มใดทำเสร็จก่อน ผู้สอนตรวจสอบความถูกต้อง ให้รางวัลสำหรับกลุ่มที่ชนะ
วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
1. ปริศนาอักษรไขว้ที่เราช่วยกันทำ ยากหรือง่าย เพราะอะไร (ให้ผู้เรียนแบ่งปัน)
2. เราคุ้นเคยหรือได้ยินพระคัมภีร์ข้อไหนบ้าง (ให้ผู้เรียนแบ่งปัน)
3. ในปริศนาอักษรไขว้ที่เราทำ มีคำว่าอะไรบ้าง (ให้ผู้เรียนช่วยกันตอบ)
4. พระคัมภีร์แต่ละข้อมีการกล่าวถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง คือใคร (คนยากจน)
5. ลองช่วยกันนับดูว่า พระคัมภีร์ทั้งแนวตั้วแนวนอนที่เราได้อ่านไป มีคำว่า “ยากจน” อยู่ทั้งหมดกี่คำ(14 คำ)
สรุป เมื่อพูดถึงคนยากจน เราก็จะคิดถึงคนที่ขัดสนคนที่มีไม่มาก คนที่ยังต้องการความช่วยเหลือทางด้านปัจจัยต่าง ๆ เพื่อการดำรงชีวิต แม้ผู้ที่เก็บข้อมูลทางประชากรศาสตร์ https://www.tpmap.in.th/ (แหล่งข้อมูลสถิติคนยากจน) จะบอกเราว่าคนยากจนลดลง แต่นั่นหมายความว่า ยังคงมีอยู่ ไม่ได้หมดไป ทำให้คิดถึงถ้อยคำที่พระเยซูเจ้ากล่าวไว้เมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้วว่า “จะมีคนยากจนอยู่กับท่านเสมอ” และก็เป็นดังนั้น โอกาสปีศักดิ์สิทธิ์ “บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง” พระสันตะปาปาฟรังซิสเชิญชวนเราให้คิดถึงพวกเขาเป็นพิเศษ
คำสอน
1. หากพูดถึงความยากจน สหประชาชาติ (United Nations) ได้ให้นิยาม “ความยากจน” ว่าเป็นการปราศจากทางเลือกและโอกาส และการไม่มีเกียรติในความเป็นมนุษย์ รวมถึงการขาดความสามารถในการเข้าร่วมทางสังคม ไม่สามารถเลี้ยงครอบครัว ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่สามารถไปรับการรักษา เมื่อเจ็บป่วย ไม่มีที่ดินทำกิน ไม่มีงาน ไม่มีความปลอดภัย ถูกกีดกันทางสังคมอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมไม่ดี ขาดการเข้าถึงน้ำสะอาดและสาธารณสุขที่ดี ในขณะที่โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) มองว่าความยากจนคือการขาดโอกาส ขาดทางเลือกในการมีความเป็นอยู่ที่ดี มีสุขภาพอนามัยที่ดี รวมถึงการขาดเสรีภาพ และการเคารพในตนเองและผู้อื่น ส่วนธนาคารโลก (World Bank) ได้นิยามความยากจนว่า เป็นการมีทรัพยากรไม่เพียงพอทำให้อำนาจในการต่อรองลดลง และ TPMAP (Thai People Map and Analytics Platform) ระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาคนแบบชี้เป้า ให้ข้อมูลว่าความยากจนวัดได้จาก 5 มิติ ได้แก่ ด้านสุขภาพ ด้านความเป็นอยู่ ด้านการศึกษา ด้านรายได้ และด้านการเข้าถึงบริการรัฐ โดยที่คนจนเป้าหมาย 1 คนมีปัญหาได้มากกว่า 1 ด้าน (แหล่งข้อมูล: thaihealthreport.com)
2. พระเจ้าทรงห่วงใยคน ยากจนและเรียกร้องให้ช่วยเหลือพวกเขาตั้งแต่ในพันธสัญญาเดิม “ในแผ่นดินจะยังคงมีคนยากจนอยู่เสมอข้าพเจ้าจึงสั่งให้ท่าน มีใจเอื้อเฟื้อต่อพี่น้องที่ยากจนและขัดสนในแผ่นดินของท่าน” (ฉธบ. 5:11) จนมาถึงสมัยของพระเยซูเจ้ามีหลายเหตุการณ์ที่พระองค์ตรัสสอนและให้ความสำคัญกับคนยากจน และให้แนวทางการปฏิบัติต่อคนยากจนไว้ด้วยไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐีหนุ่ม (มธ. 19:16-22) การเลือกเชิญแขก (ลก. 14:12-14)เศรษฐีกับลาซารัส (ลก. 16:19-31) เหตุการณ์การเจิมที่หมู่บ้านเบธานี (มธ. 26:11; มก. 14:7; ยน. 12:8) หรือพระเยซูเจ้าทรงรักษาบุตรหญิงของหญิงชาวคานาอัน (มธ. 15:21-28) ซึ่งเป็นคนต่างศาสนาที่เข้ามาในดินแดนอิสราเอลเพื่อรับการรักษา แม้จะล่วงเลยมา 2,000 กว่าปีแล้ว แต่ปัญหาความยากจนก็ยังมีอยู่และเพราะความยากจนจึงทำให้เกิดการเดินทาง การอพยพย้ายถิ่นฐานตามมา เพราะพวกเขากำลังแสวงหาโอกาสสำหรับตัวเองและครอบครัว พวกเขาฝันถึงอนาคตที่ดีกว่า เพื่อสร้างสถานะทางสังคม แต่ในความเป็นจริงกลับพบว่ามีผู้ค้ามนุษย์ที่ไร้มนุษยธรรมที่เชื่อมโยงกับกลุ่มค้ายาเสพติด กลุ่มค้าอาวุธ แสวงหาประโยชน์จากความอ่อนแของผู้อพยพ คนยากจน ซึ่งพวกเขามักประสบกับความรุนแรงจากการค้ามนุษย์ ซึ่งถูกละเมิดทั้งทางกายและจิตใจ และความทุกข์ระหว่างการเดินทาง เราต้องไม่มองข้ามความเปราะบางของบรรดาผู้อพยพที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ หรือสถานการณ์ของผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องใช้เวลาหลายปีในค่ายผู้ลี้ภัย (CV 92)
3. ในสมณโองการ “ความหวังนี้ไม่ทำให้เราผิดหวัง” พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงปรารถนาให้เราแต่ละคนได้เป็นความหวังแก่บรรดาผู้อพยพและคนยากจน โดยตรัสว่า “จำเป็นต้องมีเครื่องหมายแห่งความหวังสำหรับผู้อพยพย้ายถิ่น ที่ละทิ้งแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับตนเองและครอบครัว ความคาดหวังของพวกเขาจะต้องไม่ถูกทำลายด้วยอคติและการปิดกั้น ขอให้มีการต้อนรับที่เปิดกว้างแก่ทุกคน ด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีพร้อมด้วยความรับผิดชอบที่จะไม่ยอมให้ใครต้องถูกปฏิเสธสิทธิในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า พวกเขาควรได้รับการรับรองเรื่องความปลอดภัยและเข้าถึงการจ้างงาน การศึกษา และปรับตัวให้เข้ากับบริบทใหม่ทางสังคม รวมถึงขอร้องให้มอบความหวังแก่คนยากจนที่มักขาดสิ่งจำเป็น เราต้องไม่ปิดหูปิดตากับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในแต่ละวัน การพบเจอผู้คนที่ยากจนหรือถูกทำให้ยากจน พวกเขาอาจเป็นเพื่อนบ้านของเรา ที่ไร้ที่อยู่อาศัยหรือไม่มีอาหารเพียงพอในแต่ละวัน ทั้งที่โลกเต็มไปด้วยทรัพยากรจำนวนมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การผลิตอาวุธ คนยากจนยังคงเป็น “ประชากส่วนใหญ่ของโลกหลายพันล้านคน” เราต้องไม่ลืมว่าคนยากจนไม่ใช่คนผิด แต่พวกเขามักตกเป็นเหยื่อเสมอ (Spes Non Confundit 13, 15)
4. เราสามารถเป็นความหวังให้แก่พวกเขาได้ในที่ ๆ เราอยู่ ด้วยการเยี่ยมเยียนพูดคุย โดยเริ่มจากชุมชนรอบบ้านในเขตวัด โรงเรียนและในสังคม สิ่งใดที่แบ่งปันและช่วยเหลือได้ให้เราทำด้วยความรักอย่างจริงใจ หรือหากสามารถให้ข้อมูลกับผู้ใหญ่หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือพวกเขาเพื่อได้รับโอกาสและมีชีวิตที่ดีกว่าก็ขอให้เราไม่รอช้าที่จะทำ ขอให้พระวาจาของพระเยซูเจ้าในอุปมาเรื่องคำพิพากษาครั้งสุดท้าย สะท้อนอยู่ในใจเราและตอกย้ำเราเสมอ
“เพราะว่าเมื่อเราหิว ท่านให้เรากิน เรากระหาย ท่านให้เราดื่ม เราเป็นแขกแปลกหน้าท่านก็ต้อนรับ
...เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่าท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา”
(มธ. 25:35, 40)
ก. ข้อควรจำ
1. ในแผ่นดินจะยังคงมีคนยากจนอยู่เสมอ ข้าพเจ้าจึงสั่งให้ท่านมีใจเอื้อเฟื้อต่อพี่น้องที่ยากจนและขัดสนในแผ่นดินของท่าน (ฉธบ. 15:11)
2. ขอให้มีการต้อนรับที่เปิดกว้างแก่ทุกคนด้วยความเคารพในศักดิ์ศรี พร้อมด้วยความรับผิดชอบที่จะไม่ยอมให้ใครต้องถูกปฏิเสธสิทธิในการสร้างอนาคตที่ดีกว่า
3. เราต้องไม่ปิดหูปิดตากับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ในแต่ละวัน การพบเจอผู้คนที่ยากจนหรือถูกทำให้ยากจน พวกเขาอาจเป็นเพื่อนบ้านของเรา ที่ไร้ที่อยู่อาศัย หรือไม่มีอาหารเพียงพอในแต่ละวัน
4. เราสามารถเป็นความหวังให้แก่พวกเขาได้ในที่ ๆ เราอยู่ ด้วยการเยี่ยมเยียนพูดคุย โดยเริ่มจากชุมชนรอบบ้าน ในเขตวัด โรงเรียนและในสังคม สิ่งใดที่แบ่งปันและช่วยเหลือได้ให้เราทำด้วยความรักอย่างจริงใจ
5. ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเรา (มธ. 25:40)
ข. กิจกรรม ถ้อยคำสอนใจ
อุปกรณ์ 1. ใบความรู้พระคัมภีร์ และใบงานกิจกรรมถ้อยคำสอนใจ ตามจำนวนผู้เรียน
2. ดินสอ 3. สีไม้/สีเมจิก
ดำเนินการ
1. ให้ผู้เรียนเลือกโค้ดพระคัมภีร์จากใบความรู้พระคัมภีร์มาคนละหนึ่งข้อ แล้วเขียนลงในใบงานในช่องที่กำหนด
2. จากนั้นผู้สอนให้เวลา 1-2 นาที ให้ผู้เรียนอ่านพระคัมภีร์ที่ตนเลือกมาอย่างช้า ๆ แล้วดูว่าจากพระคัมภีร์ที่เลือกมานั้นมี คำ/ข้อความ/ประโยคไหน ที่ชอบหรือประทับใจ ให้เขียนลงในใบงานในช่องที่กำหนด และตกแต่งให้สวยงาม
3. จาก คำ/ข้อความ/ประโยค ที่เลือกนั้น ให้ผู้เรียนได้นำมาเป็นข้อตั้งใจในการช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องที่ยากจนขัดสน รวมถึงผู้อพยพที่อยู่ใกล้บ้าน ในชุมชน ในเขตวัด-โรงเรียน ลองดูว่าเราสามารถเป็นความหวังให้พวกเขาได้อย่างไรบ้าง
หรือ โครงการปันรัก ปันน้ำใจ
1. ผู้สอนให้ผู้เรียนช่วยกันคิดกิจกรรมหรือโครงการที่สามารถทำได้จริง ในการให้กำลังใจทั้งฝ่ายกายและฝ่ายจิตแก่คนที่ยากจน ขัดสนหรือผู้อพยพ ที่อยู่รอบ ๆ โรงเรียนหรือชุมชนของเรา อาจจะเป็นคนงานในโรงเรียน รปภ. แม่บ้าน ที่ย้ายถิ่นฐานมาทำงานไกลจากบ้านหรือเพื่อนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์
2. ผู้สอนให้คำแนะนำ ติดตามและร่วมทำโครงการไปกับผู้เรียนด้วย เพื่อเสริมสร้างกำลังใจ ความเป็นหนึ่งเดียวและการทำงานร่วมกัน
3. หลังทำกิจกรรมให้มีการประเมินการทำงาน ให้ผู้เรียนได้แบ่งปันประสบการณ์ ความรู้สึกจากการทำกิจกรรมนี้ผู้สอนให้กำลังใจผู้เรียนในการทำกิจการดีต่อไป
ค. การบ้าน
1. พูดคุยกับผู้ปกครอง แลกเปลี่ยนความคิดในเรื่องคนยากจน คนอพยพย้ายถิ่นว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร
2. แบ่งปันสิ่งที่เรียนรู้ในวันนี้ ว่าเราแต่ละคนก็สามารถเป็นความหวังให้แก่คนอพยพและคนยากจนได้ ตามความสามารถของเรา เช่น
• หากมีคนงานที่เป็นคนชาติพันธุ์ในบ้าน ให้เราพูดดีและปฏิบัติดีต่อเขา
• หากพบคนยากจน ถ้าเราสามารถแบ่งปันหรือช่วยเหลือสิ่งใดได้ ก็ให้เราทำอย่างจริงใจ อาจนำสิ่งของ ขนมหรืออาหารไปแบ่งปันแก่เพื่อนพี่น้องที่อพยพและคนยากจนในหมู่บ้านเรา ในเขตวัด ชุมชนของเรา
3. ปฏิบัติตามข้อตั้งใจที่ได้ทำในใบงาน “ถ้อยคำสอนใจ”
::: Download บทเรียนที่ 10 ::