ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCESE

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

 นักบุญยอห์น: ผู้ทำพิธีล้าง

บุคคลในประวัติศาสตร์ความรอด บทเรียนที่ 19
นักบุญยอห์น: ผู้ทำพิธีล้าง

จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
        1. รู้จักเรื่องราวและชีวิตของนักบุญยอห์น บัปติสต์ ผู้ทำพิธีล้างให้พระเยซูเจ้า
        2. ตระหนักถึงความซื่อสัตย์ในการทำหน้าที่ของตนและยึดมั่นในความถูกต้อง
        3. ดำเนินชีวิตตามหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ มีความกล้าหาญที่จะพูดและทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ

กิจกรรม   “ถูกหรือผิด”

อุปกรณ์      1. คำถาม 10 ข้อ                      2. ป้าย ถูกผิด
                   3. กริ่งหรือนกหวีดให้สัญญาณ   4. รางวัลสำหรับกลุ่มที่ชนะ



ดำเนินการ
   1. ผู้สอนจัดเตรียมป้ายถูกผิดตามจำนวนผู้เรียน โดยพิมพ์ลงกระดาษ A4 ด้านหนึ่งเป็นเครื่องหมายถูก อีกด้านหนึ่งเป็นเครื่องหมายผิด หากสะดวกอาจทำติดกับไม้ลูกโป่งเพื่อความแข็งแรงคงทนและเก็บไว้ใช้ต่อได้
                    2. ผู้สอนแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5-7 คน ให้ทุกกลุ่มมีจำนวนเท่ากัน ให้นั่งเป็นแถวตอนลึก เว้นระยะของแต่ละคนทั้งข้างหน้า-หลัง ข้างซ้าย-ขวา 1 ช่วงแขน (หากมีผู้เรียนจำนวนไม่มาก เล่นเป็นบุคคลโดยไม่ต้องเข้ากลุ่มก็ได้)
                    3. แจกป้ายถูกผิดให้ผู้เรียนถือไว้ คนละ 1 ป้าย
                    4. ผู้สอนถามคำถามทีละข้อ เมื่อถามจบในแต่ละข้อผู้สอนให้สัญญาณ ให้ผู้เรียนแต่ละคนชูป้ายคำตอบขึ้นว่าถูกหรือผิด โดยหันหน้าป้ายคำตอบที่เลือกมาด้านหน้า ห้ามเปลี่ยนคำตอบหรือหมุนป้ายไปมา และห้ามหันไปถามหรือปรึกษาพูดคุยกับเพื่อน
                    5. ผู้สอนเฉลยคำตอบ ผู้ใดตอบถูกให้นั่งอยู่กับที่เช่นเดิม ผู้ใดตอบผิดให้ลุกออกจากที่นั่ง ไปนั่งรอด้านหลัง
                    6. ผู้สอนถามคำถามไปจนครบ 10 ข้อ หากกลุ่มใดมีจำนวนเหลือมากที่สุดเป็นกลุ่มที่ชนะหรือหากเล่นเป็นบุคคล คนที่อยู่จนครบ 10 ข้อ เป็นผู้ชนะ แต่หากจำนวนผู้เล่นหมดก่อนถึงข้อที่ 10 ผู้ที่ตอบได้จำนวนข้อมากที่สุดถือเป็นผู้ชนะ ผู้สอนเตรียมรางวัลให้สำหรับผู้ที่ชนะ

 

วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน           
            1. ผู้เรียนที่ตอบคำถามจนครบ 10 ข้อหรือตอบถูกมากที่สุด รู้สึกอย่างไร (ลุ้น, สนุก, ตื่นเต้น, ดีใจ ฯลฯ)
            2. ผู้เรียนที่ตอบผิด ต้องลุกออกมาก่อน รู้สึกอย่างไร (เสียใจ, เสียดาย, อยากเล่นอีก ฯลฯ)
            3. คำถามเหล่านี้ยากหรือง่าย เพราะอะไร (ง่าย เพราะได้เรียนมาแล้ว, ยาก เพราะจำไม่ได้, ไม่แน่ใจในคำตอบ)
            4. หากจำไม่ได้หรือไม่แน่ใจในคำตอบ เราสามารถหาข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ได้จากที่ใดบ้าง (บทเรียนที่เคยเรียนรู้มาก่อน, พระคัมภีร์, อินเตอร์เน็ต ฯลฯ)
            5. ผู้เรียนคิดว่าทำไมเราถึงต้องทราบเรื่องราวของบุคคลต่าง ๆ เหล่านี้ (เพื่อเป็นความรู้, เพื่อเข้าใจถึงแผนการต่าง ๆ ของพระเจ้า, เพราะบุคคลเหล่านี้ร่วมอยู่ในประวัติศาสตร์ความรอด ฯลฯ ให้ผู้เรียนช่วยกันตอบ)

 

                 สรุป  จากกิจกรรมนี้ช่วยเรายืนยันถึงคำตอบที่เราแต่ละคนรู้ ว่าเป็นความรู้ที่ผิดหรือถูกต้องแล้ว เมื่อเราต้องยืนยันคำตอบด้วยตัวเราเอง ไม่มีสิทธิ์ถามใครไม่มีสิทธิ์ปรึกษาใคร จึงเป็นตัวเราเองที่จะต้องยืนยันและมั่นใจในคำตอบของตนบางข้อเราอาจจะมั่นใจในคำตอบอยู่แล้วว่าถูกต้องแน่นอน บางข้อเราอาจจะไม่มั่นใจว่าถูกหรือผิด และบางข้อในความมั่นใจก็อาจจะไม่ถูกต้องก็เป็นได้ ดังนั้น หากมีสิ่งใดที่ถูกต้องอยู่แล้ว ก็ให้เราจดจำไว้อย่างมั่นใจ ส่วนสิ่งที่ไม่มั่นใจหรือยังไม่ถูกต้อง เราก็สามารถหาคำตอบที่ถูกต้องเพราะมีแหล่งข้อมูลมากมายที่ช่วยเราให้จดจำและยืนยันถึงข้อความจริงที่ถูกต้องได้

 

คำสอน                                                              

               1. หากพูดกันถึงเรื่องความจริง เราคงจะเคยได้ยินกับประโยคที่ว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย” เพราะไม่ว่าอย่างไร ความจริงก็คือความจริง จะเป็นสิ่งที่ติดกับตัวบุคคลไปตลอด แม้ในวันที่ผู้พูดไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ความจริงก็ยังคงอยู่ไม่หายไปไหน ความจริงจึงเป็นอมตะและคงอยู่ตลอดไป แต่ในบางครั้ง บางกรณีหรือกับบางบุคคล การต้องพูดความจริงก็เป็นสิ่งที่ยากลำบากและท้าทายนัก ถ้าความจริงนั้นมีเรื่องของการตัดสินลงโทษเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จึงมีประโยคหนึ่งที่คนมักเปรียบเปรยกันเพื่อความสนุกที่แฝงความจริงว่า “ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่ใครที่พูดความจริงมักจะตาย” เพราะการเป็นผู้ยืนยันความจริงของบางคน อาจนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตของผู้พูดได้ ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ มีบุคคลหนึ่งที่ต้องมาเสียชีวิตเพราะพูดความจริงและกล้ายืนยันในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนนั้นก็คือ “นักบุญยอห์น บัปติสต์” นั่นเอง

 

              2. เรื่องราวการเกิดของนักบุญยอห์นมีดังนี้ สมณะผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์ มีภรรยาชื่อเอลีซาเบธ ทั้งสองไม่มีบุตรเพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมันและทั้งสองชรามากแล้ว วันหนึ่ง ขณะเศคาริยาห์กำลังปฏิบัติหน้าที่ถวายกำยานในพระวิหาร ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมา กล่าวว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของท่าน เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจะตั้งชื่อเขาว่ายอห์น” เศคาริยาห์จึงถามว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าชรามากแล้วและภรรยาก็อายุมากด้วย” ทูตสวรรค์ตอบว่า“ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ซึ่งเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาพูดกับท่านและนำข่าวดีนี้มาแจ้งให้ท่านทราบ แต่ท่านไม่เชื่อคำของข้าพเจ้า ดังนั้น ท่านจะเป็นใบ้จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง”เมื่อออกมาจากพระวิหาร เขาพูดไม่ได้ ทำได้เพียงแสดงท่าทาง ต่อมาไม่นานนางเอลีซาเบธก็ตั้งครรภ์ (เทียบลก. 1:5-24) เมื่อครบกำหนดคลอด นางให้กำเนิดบุตรชาย เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนางจึงมาร่วมยินดี พวกเขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่นางเอลีซาเบธค้านว่า “ไม่ได้เขาจะต้องชื่อยอห์น”คนเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามเศคาริยาห์ว่า ต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้นเศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า (เทียบ ลก. 1:57-66)จากเหตุการณ์นี้ยืนยันชัดเจนว่า ยอห์นเกิดมาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เพื่อเข้าร่วมในแผนการแห่งความรอด ยอห์นเจริญเติบโตขึ้น มีจิตใจเข้มแข็ง อาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่ออกมาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล (เทียบ ลก. 1:80)

 

               3. เราทราบเรื่องราวการประกาศเทศน์สอนของยอห์นได้ในพระวรสารทั้ง 4 เล่ม ทุกเล่มบอกเล่าถึงการทำหน้าที่ในการเป็นผู้เตรียมทางให้พระเยซูเจ้า ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือประกาศกอิสยาห์ว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด” ยอห์นใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แต่งกายด้วยผ้าขนอูฐใช้หนังสัตว์คาดสะเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ประกาศสอนเรื่องพิธีล้างไปทั่วบริเวณแม่น้ำจอร์แดนให้ผู้คนแสดงออกโดยการสารภาพบาปของตน เพื่อจะได้รับการอภัยบาปและรับพิธีล้างจากยอห์น ซึ่งประชาชนคิดว่าเขาเป็นพระคริสต์ ยอห์นจึงแสดงตนด้วยการประกาศว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์... มีอีกผู้หนึ่งกำลังมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะก้มลงแก้สายรัดรองเท้าของเขา ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลายแต่เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้า” ซึ่งหมายถึงพระเยซูเจ้า และเมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จจากเมืองนาซาเร็ธเพื่อจะมารับพิธีล้าง ยอห์นเห็นพระองค์ก็กล่าวว่า “นี่คือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก...”
เขาพยายามชักชวนพระองค์ให้เปลี่ยนพระทัย กล่าวว่า “ข้าพเจ้าควรรับพิธีล้างจากท่าน แต่ท่านกลับมาพบข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า“เวลานี้ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก่อน เพราะเราควรจะทำทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระเจ้า” ยอห์นจึงยอมทำตาม พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างจากยอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน จากเหตุการณ์นี้ ยอห์นทำหน้าที่ในการเป็นผู้เตรียมทางที่ซื่อสัตย์ ถ่อมตนว่าตนเป็นเพียงผู้มานำหน้าและเตรียมทางเท่านั้น และพระเยซูเจ้าคือพระคริสตเจ้าที่แท้จริง และในเหตุการณ์รับพิธีล้างนี้ก็มีเสียงจากสวรรค์ที่ยืนยันถึงการเป็นพระบุตรของพระเยซูเจ้ากล่าวว่า “ผู้นี้เป็นบุตรสุดที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา” (เทียบ มธ. 3:1-17; มก. 1:1-11; ลก. 3:1-22; ยน. 1:19-34)

 

               4. และอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญของยอห์นที่ได้ทำหน้าที่ในการเป็นพยานยืนยันในความถูกต้อง จนทำให้เขาถูกจับกุมและล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเขาได้ตำหนิกษัตริย์เฮโรดเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของฟีลิปพระอนุชาซึ่งกษัตริย์เฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นได้ทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์จะทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” ทำให้นางเฮโรเดียสโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์น แต่ฆ่าไม่ได้ เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงใจอยู่ เพราะทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิ์สิทธิ์จึงทรงป้องกันไว้ จนวันหนึ่งเมื่อกษัตริย์เฮโรดจัดงานเลี้ยงในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียส ออกมาเต้นรำเป็นที่พอพระทัย กษัตริย์จึงตรัสถามว่า อยากได้อะไรก็ขอมาเถิด เราจะให้ และยังทรงสาบานอีกว่าขออะไรก็จะให้แม้เป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักรก็ตาม หญิงสาวจึงออกไปถามมารดา เมื่อได้โอกาสมารดาจึงบอกให้ขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้างใส่ถาดมาให้เดี๋ยวนี้กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะได้สาบานไว้แล้ว จึงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นในคุกใส่ถาดมา (เทียบ มก. 6:17-29)

 

                5. ท่านยอห์นถูกเตรียมให้เกิดมาด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า เพื่อมานำหน้าและเป็นผู้เตรียมทางให้พระเยซูเจ้า ท่านนบนอบต่อเสียงเรียกของพระเจ้า ทำตามบทบาทหน้าที่ของตนอย่างซื่อสัตย์ในการเป็นพยานยืนยันและประกาศถึงการเสด็จมาของพระคริสตเจ้า นอกจากนั้น ท่านยังเป็นพยานยืนยันในความถูกต้องอีกด้วย พระเยซูเจ้าตรัสถึงยอห์นว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ในหมู่ผู้ที่เกิดจากหญิงไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่ายอห์น ผู้ทำพิธีล้าง” (มธ. 11:11) ไม่ใช่ตำแหน่ง เกียรติยศ หรืออำนาจบารมีที่ทำให้ท่านยิ่งใหญ่เหนือใคร แต่ภารกิจและการดำเนินชีวิตของท่านต่างหากที่ทำให้ท่านยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ พระศาสนจักรจึงยกย่องท่าน เพราะนอกเหนือจากพระเยซูเจ้าและพระนางมารีย์แล้วก็มีเพียงนักบุญยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ที่พระศาสนจักรกำหนดให้ทุกปีมีวันสำคัญของท่านถึง 2 วัน คือทุกวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันสมโภชการบังเกิด และทุกวันที่ 29 สิงหาคม ระลึกถึงวันที่ท่านถูกตัดศรีษะขอให้เราได้นำแบบอย่างจากชีวิตของนักบุญยอห์น ในการทำหน้าที่เป็นพยานยืนยันและเป็นผู้นำความจริงเรื่องการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าไปสู่บุคคลรอบข้าง นำพระวาจาของพระเจ้าไปประกาศด้วยการดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยาน เป็นทุกข์กลับใจ รับศีลอภัยบาปอย่างสม่ำเสมอ และสิ่งสำคัญคือมีความกล้าหาญที่จะพูดและทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อยืนยันถึงความจริง

 

ก. ข้อควรจำ
       1. นักบุญยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง เป็นบุตรของสมณะผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์ และมารดาชื่อเอลีซาเบธ
       2. ทูตสวรรค์องค์หนึ่งปรากฏมา กล่าวว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของท่าน เอลีซาเบธภรรยาของท่านจะให้กำเนิดบุตรชาย ท่านจะตั้งชื่อเขาว่ายอห์น”
       3. นักบุญยอห์นใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นทุรกันดาร แต่งกายด้วยผ้าขนอูฐ ใช้หนังสัตว์คาดสะเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร
       4. นักบุญยอห์นเกิดมาเพื่อนำหน้าและเป็นผู้เตรียมทางให้พระเยซูเจ้า ประกาศเทศน์สอนเรื่องพิธีล้าง ให้ผู้คนแสดงออกโดยการสารภาพบาปของตนเพื่อจะได้รับการอภัยบาปและรับพิธีล้าง
       5. นักบุญยอห์นเป็นพยานยืนยันในความถูกต้อง ทำให้ท่านถูกจับกุมและล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะได้ตำหนิกษัตริย์เฮโรดเรื่องของนางเฮโรเดียส ภรรยาของฟีลิปพระอนุชา ซึ่งกษัตริย์เฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี
       6. ทุกวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันสมโภชการบังเกิดของนักบุญยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง และทุกวันที่ 29 สิงหาคมระลึกถึงวันที่นักบุญยอห์น ผู้ทำพิธีล้าง ถูกตัดศรีษะ
       7. ให้เราทำหน้าที่เป็นพยานยืนยันและนำความจริง เรื่องการเสด็จมาของพระเยซูเจ้าไปสู่บุคคลรอบข้าง ดำเนินชีวิตเป็นประจักษ์พยาน เป็นทุกข์กลับใจ รับศีลอภัยบาปอย่างสม่ำเสมอ และมีความกล้าหาญที่จะพูดและทำในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อยืนยันถึงความจริง

 

ข. กิจกรรม   
อุปกรณ์   1. ใบงาน นักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง ตามจำนวนผู้เรียน     2. สีไม้

วิธีการ       1. ผู้สอนแจกใบงานให้ผู้เรียนคนละ 1 แผ่น ตอบคำถามลงในใบงานทั้ง 2 ข้อ และระบายสีภาพให้สวยงาม
                 2. หากมีเวลา ผู้สอนสอบถามข้อตั้งใจดีที่ผู้เรียนได้เขียน ให้แต่ละคนได้พูดให้เพื่อน ๆ ในห้องฟัง ส่วนเด็กโตอาจให้จับคู่กันกับเพื่อนและแบ่งปันกันถึงสิ่งที่ได้เขียนทั้ง 2 ข้อ

 

ค. การบ้าน              

         - อ่านใบความรู้เรื่องนักบุญยอห์นผู้ทำพิธีล้าง เพิ่มเติม หน้า 149
         - ให้ผู้เรียนกลับไปเล่าเรื่องราวของนักบุญยอห์น ผู้ทำพิธีล้างให้สมาชิกในครอบครัวฟัง
        - ให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติตามข้อตั้งใจที่ได้เขียนลงในใบงาน

       ::: Download  บทเรียนที่ 19 ::

 

 ยอห์น

 ยอห์น: ผู้ทำพิธีล้าง

(มัทธิว 3:1-6, 11, 13-17; มาระโก 6:17-29; ลูกา 1:5-23; 57-80; ยอห์น 1:19-23, 28-51)

 

ยอห์น: ผู้ทำพิธีล้าง             ในรัชสมัยของกษัตริย์เฮโรดผู้ปกครองแคว้นยูเดีย สมณะผู้หนึ่งชื่อเศคาริยาห์ ประจำเวรในหมวดของอาบียาห์ มีภรรยาชื่อเอลีซาเบธ จากตระกูลสมณะอาโรน ทั้งสองคนเป็นผู้ชอบธรรมเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ปฏิบัติตามบทบัญญัติและข้อกำหนดทุกข้อขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยไม่มีข้อตำหนิ แต่ทั้งคู่ไม่มีบุตรเพราะนางเอลีซาเบธเป็นหมัน และทั้งสองคนชรามากแล้ว วันหนึ่ง เศคาริยาห์กำลังปฏิบัติหน้าที่สมณะเฉพาะพระพักตร์ตามเวรในหมวดของตน ตามธรรมเนียมของสมณะ เขาจับสลากได้หน้าที่เข้าไปในพระวิหารของพระเจ้าเพื่อถวายกำยาน ขณะที่มีการถวายกำยาน ประชาชนที่มาชุมนุมกันต่างอธิษฐานภาวนาอยู่ภายนอก

             ทันใดนั้น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งของพระเจ้า ปรากฏองค์ยืนอยู่เบื้องขวาของพระแท่นถวายกำยานเมื่อเศคาริยาห์เห็นก็รู้สึกวุ่นวายใจและมีความกลัวอย่างมาก แต่ทูตสวรรค์กล่าวแก่เขาว่า “เศคาริยาห์ อย่ากลัวเลย พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของท่านแล้ว เอลีซาเบธภรรยาของท่าน จะให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง ท่านจะตั้งชื่อเขาว่า “ยอห์น” ท่านจะมีความชื่นชมยินดี และคนจำนวนมากจะยินดีที่เขาเกิดมา เพราะว่าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่เฉพาะพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้า เขาจะไม่ดื่มเหล้าองุ่นหรือสุราเมรัยเลย เขาจะรับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมkตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เขาจะนำบุตรหลานของอิสราเอลจำนวนมากกลับมายังองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเรา เขาจะมีจิตใจและพลังของประกาศกเอลียาห์ มาเตรียมรับการเสด็จมาของพระองค์ เพื่อทำให้บิดาคืนดีกับบุตรและทำให้ผู้ไม่เชื่อฟังกลับมีจิตสำนึกของผู้ชอบธรรมเป็นการเตรียมประชากรให้พร้อมที่จะรับเสด็จองค์พระผู้เป็นเจ้า” เศคาริยาห์จึงถามทูตสวรรค์ว่า “ข้าพเจ้าจะแน่ใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าชราแล้วและภรรยาของข้าพเจ้าก็อายุมากแล้วด้วย” ทูตสวรรค์จึงตอบว่า “ข้าพเจ้าคือกาเบรียล ซึ่งเฝ้าอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาพูดกับท่านและนำข่าวดีนีมาแจ้งให้ท่านทราบ แต่ท่านไม่เชื่อคำของข้าพเจ้า ซึ่งจะเป็นจริงเมื่อถึงเวลากำหนด ดังนั้นท่านจะเป็นใบ้จนถึงวันที่เหตุการณ์นี้จะเป็นจริง” ประชาชนกำลังคอยเศคาริยาห์อยู่ รู้สึกประหลาดใจที่เขาอยู่ในพระวิหารนาน เมื่อเขาออกมาและพูดไม่ได้ ประชาชนจึงเข้าใจว่าเขาเห็นนิมิตในพระวิหาร เขาทำได้เพียงแสดงท่าทางแต่พูดไม่ได้

            เมื่อหมดวาระทำหน้าที่ในพระวิหารแล้วเศคาริยาห์ก็กลับไปบ้าน ต่อมาไม่นานนางเอลีซาเบธภรรยาของเขาก็ตั้งครรภ์ นางเก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นเวลาห้าเดือน นางกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำเช่นนี้เพื่อข้าพเจ้า บัดนี้พระองค์พอพระทัยช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความอับอาย ที่ข้าพเจ้ามีต่อหน้าคนทั้งหลายแล้ว” เมื่อครบกำหนดคลอด นางเอลีซาเบธให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่ง เพื่อนบ้านและบรรดาญาติรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสดงพระกรุณายิ่งใหญ่ต่อนาง จึงมาร่วมยินดีกับนาง เมื่อเด็กเกิดได้แปดวัน เพื่อนบ้านและญาติพี่น้องมาทำพิธีสุหนัตให้ เขาต้องการเรียกเด็กว่าเศคาริยาห์ตามชื่อบิดา แต่มารดาของเด็กค้านว่า“ไม่ได้ เขาจะต้องชื่อยอห์น” คนเหล่านั้นจึงพูดกับนางว่า “ท่านไม่มีญาติคนใดมีชื่อนี้” เขาเหล่านั้นจึงส่งสัญญาณถามบิดาของเด็กว่าต้องการให้บุตรชื่ออะไร เศคาริยาห์ขอกระดานแผ่นหนึ่งแล้วเขียนว่า “เขาชื่อยอห์น” ทุกคนต่างประหลาดใจ ทันใดนั้น เศคาริยาห์ก็กลับพูดได้อีก เขาจึงกล่าวถวายพระพรพระเจ้า เพื่อนบ้านทุกคนต่างรู้สึกกลัว และเรื่องทั้งหมดนี้ได้เล่าลือกันไปทั่วแถบภูเขาของแคว้นยูเดีย ทุกคนที่ได้ยินเรื่องนี้ต่างก็แปลกใจและถามกันว่า “แล้วเด็กคนนี้จะเป็นอะไร” เพราะพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา เด็กนั้นเจริญเติบโตขึ้นจิตใจของเขาเข้มแข็งขึ้นด้วย เขาอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่เขาแสดงตนแก่ประชากรอิสราเอล

            ในปีที่สิบห้าแห่งรัชกาลพระจักรพรรดิทิเบรีอัส ปอนทิอัสปีลาตเป็นผู้ว่าราชการแคว้นยูเดีย กษัตริย์เฮโรดทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นกาลิลี ฟีลิปพระอนุชาทรงเป็นเจ้าปกครองแคว้นอิทูเรีย และตราโคนิติสลีซาเนียสเป็นเจ้าปกครองแคว้นอาบีเลน อันนาสและคายาฟาสเป็นหัวหน้าสมณะ พระวาจาของพระเจ้ามาถึงยอห์นบุตรของเศคาริยาห์ในถิ่นทุรกันดารแห่งยูเดีย ยอห์นกล่าวว่า “จงกลับใจเถิดอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” ยอห์นผู้นี้คือผู้ที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวถึงว่า คนคนหนึ่งร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่า “จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางเดินของพระองค์ให้ตรงเถิด” ยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐ มีสายหนังรัดเอว กินตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่าเป็นอาหาร ประชาชนจากกรุงเยรูซาเล็ม จากทั่วแคว้นยูเดียและจากทั่วเขตแม่น้ำจอร์แดนพากันไปพบเขา รับพิธีล้างจากเขาในแม่น้ำจอร์แดนโดยสารภาพบาปของตนยอห์นกล่าวว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย เพื่อให้กลับใจ แต่ผู้ที่จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้า และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะถือรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและไฟ เขากำลังถือพลั่วอยู่แล้ว จะชำระลานนวดข้าวให้สะอาด จะรวบรวมข้าวใส่ยุ้ง ส่วนฟางนั้นเขาจะเผาทิ้งในไฟที่ไม่รู้ดับ” เมื่อประชาชนถามยอห์นว่า “เราจะต้องทำอะไร” เขาก็ตอบว่า“ใครมีเสื้อสองตัวจงแบ่งตัวหนึ่งให้กับคนที่ไม่มี คนที่มีอาหารก็จงทำเช่นเดียวกัน” คนเก็บภาษีมาหายอห์นเพื่อรับพิธีล้างด้วย และถามเขาว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราจะต้องทำสิ่งใด” ยอห์นตอบว่า “ท่านอย่าเรียกเก็บภาษีเกินพิกัด” พวกทหารถามเขาด้วยว่า “แล้วพวกเราล่ะ เราจะต้องทำสิ่งใด” เขาตอบว่า “อย่าขู่กรรโชก อย่ากล่าวหาเป็นความเท็จเพื่อเอาเงิน จงพอใจกับค่าจ้างของตน”

              เวลานั้น พระเยซูเจ้าเสด็จมาจากแคว้นกาลิลีถึงแม่น้ำจอร์แดน เพื่อทรงรับพิธีล้างจากยอห์น ยอห์นพยายามชักชวนพระองค์ให้เปลี่ยนพระทัย เขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าควรจะรับพิธีล้างจากท่าน แต่ท่านกลับมาพบข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “เวลานี้ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ก่อน เพราะเราควรจะทำทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระเจ้า” ยอห์นจึงยอมทำตาม เมื่อมีคนจากกรุงเยรูซาเล็มไปถามยอห์นว่า “ท่านเป็นใครเล่า” เขามิได้ปิดบังความจริง แต่ยืนยันว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์.... ข้าพเจ้าเป็นเสียงของผู้ที่ร้องตะโกนในถิ่นทุรกันดารว่าจงทำทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงเถิด” ดังที่ประกาศกอิสยาห์ได้กล่าวไว้ ยอห์นเป็นคนที่กล่าวกับศิษย์ทั้งสองคนของเขาว่า พระเยซูเจ้าคือลูกแกะของพระเจ้า ผู้ทรงลบล้างบาปของโลก และยอห์นยังเป็นพยานยืนยันว่าพระเยซูเจ้าเป็นพระบุตรของพระเจ้า

             กษัตริย์เฮโรเคยทรงสั่งให้จับกุมยอห์น และล่ามโซ่ขังคุกไว้ เพราะเรื่องของนางเฮโรเดียสภรรยาของฟีลิปพระอนุชา ซึ่งกษัตริย์เฮโรดทรงรับมาเป็นมเหสี ยอห์นเคยทูลกษัตริย์เฮโรดว่า “ไม่ถูกต้องที่พระองค์ทรงรับภรรยาของน้องชายมาเป็นมเหสี” นางเฮโรเดียสจึงโกรธแค้นและปรารถนาจะฆ่ายอห์นเสียแต่ฆ่าไม่ได้ เพราะกษัตริย์เฮโรดยังทรงเกรงยอห์นอยู่ ทรงทราบว่ายอห์นเป็นคนชอบธรรมและศักดิ์สิทธิ์จึงทรงป้องกันไว้ เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงฟังคำพูดของยอห์น ทรงรู้สึกสับสนแต่ก็ทรงยินดีที่จะฟัง

             นางเฮโรเดียสได้โอกาส เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงจัดให้มีงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และคนสำคัญในแคว้นกาลิลีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ บุตรหญิงของนางเฮโรเดียสออกมาเต้นรำเป็นที่พอพระทัยของกษัตริย์เฮโรด และเป็นที่พอใจของผู้รับเชิญ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงคนนั้นว่า“ท่านอยากได้อะไรก็ขอมาเถิด เราจะให้” และยังทรงสาบานอีกว่า “ท่านขออะไรเราก็จะให้แม้จะเป็นครึ่งหนึ่งของอาณาจักรของเราก็ตาม” หญิงสาวจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขออะไรดี” มารดาตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง”หญิงสาวจึงรีบกลับมาทูลกษัตริย์ทันทีว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ทำพิธีล้าง ใส่ถาดมาให้เดี๋ยวนี้” กษัตริย์ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะได้ทรงสาบานไว้ และเพราะทรงเห็นแก่ผู้รับเชิญ ไม่ทรงปรารถนาขัดใจหญิงสาว จึงทรงสั่งเพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะของยอห์นในคุก ใส่ถาดนำมาให้หญิงสาว หญิงสาวจึงนำไปให้มารดา เมื่อบรรดาศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง จึงมารับศพของยอห์น นำไปฝังไว้ในคูหา

 

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025

ปีศักดิ์สิทธิ์ ค.ศ. 2025 "บรรดาผู้จาริกแห่งความหวัง"

เนื้อหาและบทเรียน