บุคคลในประวัติศาสตร์ความรอด บทเรียนที่ 15
ซาโลมอน: ผู้เปี่ยมด้วยปรีชาญาณจากพระเจ้า
จุดประสงค์
เมื่อจบบทเรียนแล้ว ผู้เรียนสามารถ
1. รู้จักประวัติของซาโลมอน ผู้เปี่ยมด้วยปรีชาญาณ (สติปัญญา) จากพระเจ้า
2. ตระหนักถึงความช่วยเหลือจากพระเจ้า ซื่อสัตย์ที่จะเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์
3. ภาวนาวอนขอพระพรที่จำเป็นและพึ่งพาพระเจ้าอยู่เสมอ
กิจกรรม “พรวิเศษ ขอได้ 1 ข้อ”ดำเนินการ 1. ผู้สอนถามผู้เรียนว่า “หากขอพรวิเศษได้ 1 ข้อที่เป็นจริงได้ ผู้เรียนอยากขออะไร” ให้เวลาคิด 1 นาทีแล้วถามผู้เรียนทีละคน
2. ผู้สอนเขียนพรที่ผู้เรียนต้องการขอบนกระดาน หากมีข้อที่ซ้ำกัน ให้เขียนตัวเลขกำกับไว้ด้วยว่ามีจำนวนกี่คนที่ขอพรในเรื่องนั้น
วิเคราะห์ ผู้สอนสนทนากับผู้เรียน
1. พรเรื่องใดที่มีผู้ขอมากที่สุด
2. ถามผู้เรียนกลุ่มที่ขอพรเหมือนกันมากที่สุดว่า “ทำไมจึงเลือกขอในสิ่งนั้น” (ให้ผู้เรียนแบ่งปัน)
3. ผู้เรียนคิดว่าพรข้อใดที่มีประโยชน์และจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของผู้เรียนบ้าง เพราะอะไร (ให้ผู้เรียนช่วยกันคิดและแบ่งปัน)
สรุป แต่ละคนมีความต้องการในชีวิตที่่แตกต่างกัน บางคนต้องการในส่วนที่ตนเองยังขาดหรือต้องการในส่วนที่ตนเองมีน้อย และคิดว่าการมีเพิ่มขึ้นจะนำความสุขมาสู่ชีวิตของตนได้ ซึ่งความต้องการในบางสิ่งบางอย่างนั้น อาจไม่ได้จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตเสมอไป เป็นแค่ความต้องการเพียงชั่วครั้งชั่วคราว ดังนั้น เมื่อต้องตัดสินใจเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ขอให้เลือกสิ่งที่ดี สิ่งที่จำเป็น มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตมากที่สุดเป็นอันดับแรก
คำสอน
1. เราอาจเคยมีประสบการณ์หรือเคยเห็นจากสื่อ เวลาที่มีการประกวดหรือแข่งขันต่าง ๆนอกจากผู้ที่เข้าประกวดหรือแข่งขันนั้นจะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ของตนเองที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีแล้ว บางคนยังต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยการเดินทางไปขอพร บนบานให้ช่วยเหลือ เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจให้ตนสามารถทำผลงานออกมาได้ดีจนผ่านเข้ารอบหรือสามารถเอาชนะในรายการต่าง ๆ นั้นได้ ซึ่งสำหรับคริสตชน เมื่อประสบกับความทุกข์หรือต้องการความช่วยเหลือ จะภาวนาวอนขอต่อพระเจ้าพระองค์เดียวของเราเท่านั้น
2. กษัตริย์ซาโลมอน ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์สืบราชบัลลังก์ต่อจากกษัตริย์ดาวิดผู้เป็นบิดา แม้เป็นผู้ที่มีอำนาจการปกครองสูงสุดในแผ่นดินแล้วก็ตาม แต่พระองค์ก็ยังทูลขอสิ่งที่จำเป็นจากพระเจ้า นั่นคือสติปัญญา พระเจ้าเสด็จมาหาซาโลมอนในความฝัน ตรัสว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน”ซาโลมอนทูลว่า “พระองค์ทรงกรุณาให้ข้าพระองค์ได้เป็นกษัตริย์แต่ข้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะปกครองประชาชนอย่างไร ฉะนั้น ขอโปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด” พระเจ้าทรงพอพระทัยที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนั้น จึงตรัสว่า“เราจะให้ตามที่เจ้าขอและจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอด้วย คือทรัพย์สมบัติและเกียรติยศ”
3. มีเหตุการณ์หนึ่งในพระคัมภีร์ แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงประทานพรแห่งสติปัญญาให้กับกษัตรย์ซาโลมอนวันหนึ่ง มีหญิงโสเภณีสองคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน มาทูลขอให้ซาโลมอนช่วยตัดสินปัญหา คนหนึ่งทูลว่า“หญิงคนนี้กับหม่อมฉันต่างก็คลอดลูก แต่ลูกของเธอตาย ตกกลางคืนเธอก็มาเอาลูกของหม่อมฉันไป และแอบเอาลูกของเธอที่ตายไปแล้วมาทิ้งไว้ให้แทน พอรุ่งเช้า หม่อมฉันก็เห็นว่าเด็กที่ตายนั้นไม่ใช่ลูกของหม่อมฉัน แต่เธอก็ไม่ยอมคืนลูกให้” หญิงอีกคนหนึ่งจึงว่า “ไม่ใช่ เด็กที่ยังเป็นอยู่คือลูกของฉัน ส่วนเด็กที่ตายไปเป็นลูกของเธอ” ทั้งสองต่างโต้เถียงกันต่อพระพักตร์กษัตริย์ซาโลมอน พระองค์ตัดสินใจทดสอบคนทั้งสอง ทรงนำมีดมาและอุ้มเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นขึ้น ตรัสว่า “เอาอย่างนี้ เราจะผ่าเด็กนี่ออกเป็นสองส่วน เอาไปคนละส่วนก็แล้วกัน หญิงคนที่บุตรของตนยังมีชีวิตอยู่นั้นทูลกษัตริย์ เพราะว่าจิตใจอาลัยในบุตรของเธอ กล่าวว่า “ข้าแต่เจ้านายของข้าพระบาท ขอทรงมอบเด็กที่มีชีวิตอยู่ให้เขาไปและถึงอย่างไรก็ดีอย่าทรงฆ่าเสีย” แต่หญิงอีกคนหนึ่งว่า “อย่าให้ฉันเป็นเจ้าของ ขอทรงแบ่งเด็กเถิดเพคะ” แล้วกษัตริย์ตรัสตอบเขาว่า “จงให้เด็กที่มีชีวิตนั้นแก่หญิงคนแรก อย่าฆ่าเสียเลย นางเป็นมารดาของเด็กนั้น”
4. ให้เราภาวนาวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่เสมอ เป็นต้นเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องสำคัญ เหมือนกับกษัตริย์ซาโลมอน เพื่อช่วยให้เราตัดสินใจอย่างรอบคอบมากที่สุด แม้เราจะมีความรู้ ความสามารถที่ได้มาจากการเรียนรู้และประสบการณ์มากมาย แต่การมีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าอยู่เสมอด้วยการภาวนาไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะช่วยให้เรามีหลักยึดในการคิด และตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ
5. ให้เรามีความซื่อสัตย์มั่นคงในคำสัญญาต่อพระเจ้า ในการเป็นคริสตชนที่ดี ดำเนินชีวิตตามความเชื่ออย่างมั่นคง ไม่หันเหไปพึ่งพาสิ่งอื่นใดนอกจากพระเจ้าของเรา
ก. ข้อควรจำ
1. กษัตริย์ซาโลมอน ผู้ได้รับการเจิมให้เป็นกษัตริย์สืบราชบัลลังก์ต่อจากเป็นกษัตริย์ดาวิดผู้เป็นบิดา
2. พระเจ้าประทานพระพรด้านสติปัญญาให้กับกษัตริย์ซาโลมอน ตามที่ได้ทูลขอ
3. ให้เราภาวนาขอพระเจ้าความช่วยเหลือจากพระเจ้าอยู่เสมอ เป็นต้นเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ
4. การมีชีวิตที่สนิทสัมพันธ์กับพระเจ้าผ่านการภาวนาไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะช่วยให้เรามีหลักยึดในการคิด และตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่เสมอ
5. มีความซื่อสัตย์มั่นคงในคำสัญญาต่อพระเจ้าในการเป็นคริสตชนที่ดี ดำเนินชีวิตตามความเชื่ออย่างมั่นคงไม่หันเหไปพึ่งพาพระเจ้าอื่นนอกจากพระเจ้าของเรา
ข. กิจกรรม ร้องเพลง “ภาวนา”
(เพลงประกอบการสอนคำสอน อัลบั้ม รักที่อบอุ่น)
ฟังและดาวน์โหลด mp3 ได้ที่
ภาวนา
1. สรรเสริญ สรรเสริญ
สรรเสริญพระในยามเช้า สรรเสริญพระในยามค่ำ
สรรเสริญ สรรเสริญ สรรเสริญพระทุกเวลา
(คำที่ขีดเส้นใต้ให้เปลี่ยนคำไปตามข้อเหล่านี้ 2. ขอบคุณ..... 3. วอนขอ..... 4. ขอโทษ.....)
หรือ เขียน “คำภาวนาทูลขอสิ่งที่จำเป็น” ให้ผู้เรียนเขียนคำภาวนาของตนลงในสมุดส่วนตัว
***ผู้สอนเตรียมจิตใจผู้เรียนให้อยู่ในบรรยากาศแห่งการภาวนา จากนั้นดำเนินการตามขั้นตอนนี้
1. ให้ผู้เรียนเขียน “คำภาวนาที่ผู้เรียนคิดว่ามีความจำเป็นมากที่สุด” ในขณะนี้ 1 ข้อ
2. เมื่อทุกคนในห้องเขียนเสร็จแล้ว ให้ผู้เรียนแต่ละคนอ่านคำภาวนาของตนและจบคำภาวนาด้วยคำว่า "ให้เราภาวนา" และผู้เรียนคนอื่น ๆ ตอบว่า "โปรดสดับฟังเถิดพระเจ้าข้า"
ค. การบ้าน
1. อ่านใบความรู้เรื่องซาโลมอนเพิ่มเติม
2. ภาวนาวอนขอปรีชาญาณ (สติปัญญา) จากพระเจ้าในเวลาที่ต้องตัดสินใจ หรือเมื่อต้องทำงานกลุ่มในการเรียนและการสอบ
::: Download บทเรียนที่ 15 ::
ซาโลมอน
ซาโลมอน: ผู้เปี่ยมด้วยปรีชาญาณจากพระเจ้า
(1 พงศ์กษัตริย์ 1:28-40; 2:1-4,12; 3:1-28; 5:9-19; 6:1-38; 11:1-42)
ซาโลมอนเป็นราชโอรสของดาวิดกับนางบัทเชบา เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกให้ครอบครองอิสราเอลได้รับการเจิมเป็นกษัตริย์ก่อนที่ดาวิดพระราชบิดาสิ้นพระชนม์
พระเจ้าเสด็จมาหาซาโลมอนในความฝัน ตรัสว่า “จงขอสิ่งที่ท่านอยากให้เราประทานแก่ท่าน” ซาโลมอนกราบทูลว่า “พระองค์ทรงกรุณาให้ข้าพระองค์ได้เป็นกษัตริย์ แต่ข้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะปกครองประชาชนอย่างไร ฉะนั้น ขอโปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด” พระเจ้าทรงพอพระทัยที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนั้น จึงตรัสว่า “เราจะให้ตามที่เจ้าขอ และจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ได้ขอด้วยคือทรัพย์สมบัติและเกียรติยศ”
วันหนึ่ง มีหญิงโสเภณีสองคนที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน มาทูลขอให้ซาโลมอนช่วยตัดสินปัญหาคนหนึ่งทูลว่า “หญิงคนนี้กับหม่อมฉันต่างก็คลอดลูก แต่ลูกของเธอตาย ตกกลางคืนเธอก็มาเอาลูกของหม่อมฉันไปและแอบเอาลูกของเธอที่ตายไปแล้วมาทิ้งไว้ให้แทน พอรุ่งเช้า หม่อมฉันก็เห็นว่าเด็กที่ตายนั้นไม่ใช่ลูกของหม่อมฉัน แต่เธอก็ไม่ยอมคืนลูกให้” หญิงอีกคนหนึ่งจึงว่า “ไม่ใช่ เด็กที่ยังเป็นอยู่คือลูกของฉันส่วนเด็กที่ตายไปเป็นลูกของเธอ” ทั้งสองต่างโต้เถียงกันต่อพระพักตร์กษัตริย์ซาโลมอนซาโลมอนตัดสินใจทดสอบทั้งสองคน พระองค์ทรงนำมีดมาและอุ้มเด็กที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นขึ้น และตรัสว่า “เอาอย่างนี้เราจะผ่าเด็กนี่ออกเป็นสองส่วน เอาไปคนละส่วนก็แล้วกัน หญิงคนที่บุตรของตนยังมีชีวิตอยู่นั้นทูลกษัตริย์ เพราะว่าจิตใจของเธออาลัยในบุตรของเธอ กล่าวว่า “ข้าแต่เจ้านายของข้าพระบาท ขอทรงมอบเด็กที่มีชีวิตอยู่ให้เขาไป และถึงอย่างไรก็ดีอย่าทรงฆ่าเสีย” แต่หญิงอีกคนหนึ่งว่า “อย่าให้ฉันเป็นเจ้าของ ขอทรงแบ่งเด็กเถิดเพคะ” แล้วกษัตริย์ตรัสตอบเขาว่า “จงให้เด็กที่มีชีวิตนั้นแก่หญิงคนแรก อย่าฆ่าเสียเลยนางเป็นมารดาของเด็กนั้น” ประชาชนอิสราเอลทั้งปวงทราบเรื่องที่กษัตริย์ประทานการพิพากษานั้น เขาทั้งหลายก็เกรงกลัวพระองค์ เพราะได้ประจักษ์ว่า พระสติปัญญาของพระเจ้าอยู่ในพระองค์ ที่ทรงวินิจฉัยให้ความยุติธรรมจนชื่อเสียงของพระองค์แพร่ขยายไปทั่วอิสราเอลและดินแดนเพื่อนบ้าน ชื่อเสียงของซาโลมอนได้แพร่สะพัดไปอย่างรวดเร็ว ประชาชนจากประเทศใกล้และไกลได้มาฟังสติปัญญาของพระองค์
ในช่วงที่กษัตริย์ซาโลมอนปกครองอิสราเอล เป็นช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ที่สุด พระองค์ทรงเป็นที่รู้จักของชาวอิสราเอลและคนทั้งปวง เนื่องจากสติปัญญาอันล้ำเลิศของพระองค์ ประชากรของอิสราเอลไม่มีวิหารที่จะนมัสการพระเจ้า เมื่อครั้งที่ดาวิดวางแผนสร้างวิหาร พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “บุตรชายของเจ้า จะเป็นผู้สร้างพระวิหารสําหรับพระนามของเรา” ดังนั้น ซาโลมอนก็เริ่มสร้างพระวิหารที่สวยงามของพระเจ้าไว้ที่กรุงเยรูซาเล็ม” ซาโลมอนใช้เวลาสร้างถึงเจ็ดปี พระเจ้าทรงพอพระทัยในกิจการงานที่ซาโลมอนกระทำ และอวยพรอาณาจักรที่ซาโลมอนปกครองเต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองมากกว่ายุคไหน ๆ
ถึงแม้กษัตริย์ซาโลมอนจะคิดว่าตนมีปัญญามากกว่าผู้อื่น แต่พระองค์ก็มิได้ทำตามที่ได้สอนคนอื่นกลับไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเพราะทรงรักหญิงต่างชาติหลายคน นอกจากพระธิดากษัตริย์ฟาโรห์แล้ว ยังทรงรักหญิงชาวโมอับ ชาวอัมโมน ชาวเอโดม ชาวไซดอนและชาวฮิตไทต์ ซึ่งเป็นหญิงจากชนชาติที่พระเจ้าเคยตรัสกับชาวอิสราเอลว่า “ท่านทั้งหลายต้องไม่แต่งงานกับชนชาติเหล่านี้ เพราะนางจะทำให้ใจของท่านหันไปหาเทพเจ้าของนาง” แต่ซาโลมอนทรงผูกพันกับเทพเจ้าเพราะหลงรักนาง หญิงเหล่านี้ทำให้พระทัยของพระองค์หันเหไปจากพระเจ้า ไปนมัสการเทพเจ้าของชนต่างชาติ นี่เป็นความบาปใหญ่หลวง เพราะละเมิดต่อพระบัญญัติที่ห้ามไม่ให้มีพระเจ้าอื่น นอกจากพระเจ้าที่แท้จริงและห้ามทำรูปเคารพเพื่อกราบไหว้พระเจ้าทรงผิดหวังในตัวกษัตริย์ซาโลมอนและทรงพิโรธมาก
ตลอดเวลาที่พระองค์พัฒนาราชอาณาจักรอันสวยงาม หรูหราของพระองค์ ประชาชนที่ถูกบีบบังคับกลับเกลียดชังพระองค์ และในเวลาไม่นานการกบฏก็เปิดฉากขึ้น สิบเผ่าทางภาคเหนือแยกตัวจากราชวงศ์ของดาวิด พระเจ้าทรงเตือนซาโลมอนว่า“เจ้าสัญญากับเราแล้วว่า เจ้าจะเชื่อฟังและจะปฏิบัติตามบัญญัติของเราตลอดไป และจะนำประชาชนให้มานมัสการเราแต่เพียงผู้เดียว บัดนี้เจ้าผิดสัญญา เราจะลงโทษเจ้าโดยริบอาณาจักรส่วนใหญ่ไปจากวงศ์วานของเจ้า แต่เพราะเรารักดาวิดบิดาของเจ้า ดังนั้น เราจะยอมให้เจ้าเป็นกษัตริย์ต่อไปตลอดชีวิตของเจ้า แต่เมื่อเจ้าสิ้นไปแล้ว จะเหลือเพียงชนเผ่าเดียวที่จะจงรักภักดีต่อลูกของเจ้า”
ในบั้นปลายชีวิตของกษัตริย์ซาโลมอนจึงเต็มไปด้วยความยุ่งยากและการรบราฆ่าฟัน บรรดาศัตรูเริ่มโจมตีพระองค์ เมื่อซาโลมอนสิ้นพระชนม์แล้ว อาณาจักรอิสราเอลถูกแบ่งแยกออกเป็นสองอาณาจักรและเกิดความวุ่นวายในประชากรอิสราเอลด้วยกัน