ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

บทที่ 4 พระผู้ไถ่บังเกิดมาแล้ว

จุดมุ่งหมาย     ให้ผู้เรียนรู้จักพระเยซูคริสต์ในชีวิตปฐมวัย  และประพฤติตามแบบอย่างของพระองค์

ขั้นที่ 1  กิจกรรม

               ฉายวีดีโอ  เรื่อง   คริสต์มาสครั้งแรก  (ความยาวประมาณ  25  นาที)  หรือ  นำเสนอภาพชีวประวัติพระเยซูคริสต์  ตั้งแต่วันบังเกิดจนถึงอายุ  12  ปี

ขั้นที่ 2  วิเคราะห์

ครูสนทนากับผู้เรียนโดยบททวนเหตุการณ์ตอนสำคัญๆในชีวิตปฐมวัยของพระเยซูคริสต์  เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับการบังเกิด , การลี่ภัยไปยังประเทศอียิปต์ , การพบพระกุมารในพระวิหาร                                   

ครูถามความรู้สึกของผู้เรียนว่ามีความประทับใจตอนไหนบ้างทำไม

สรุป      พระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุคคลจริงๆในประวัติ  มีหลักฐานการบังเกิดของพระองค์ในพระวรสารในเอกสารโบราณ   การบังเกิดมาของพระองค์ดูธรรมดาและต่ำต้อยยากจน  แต่ก็เปี่ยมด้วยบารมี

ขั้นที่ 3  คำสอน

  1. ชาวอิสราแอลประชากรของพระเป็นเจ้าเฝ้าคอยพระผู้ไถ่ที่พระเป็นเจ้าทรงสัญญาที่จะประทานให้มาไถ่มนุษย์เป็นเวลาช้านาน  บรรดาประกาศกก็ช่วยเพิ่มความหวังให้แก่พวกเขา  โดยกล่าวพยากรณ์ถึงพระผู้ไถ่นี้ในหลายต่อหลายแห่งด้วยกัน  เช่น  ประกาศกอิสยาห์กล่าวว่า  “ชนชาติที่ดำเนินอยู่ในความมืดจะได้เห็นแสงสว่างอันรุ่งโรจน์ บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนภายใต้เงื้อมมือมัจจุราชแสงสว่างก็จะส่องมายังพวกเขา  พระองค์จะทรงเพิ่มพูนความชื่นบานให้  และพวกเขาจะเปรมปรีดิ์เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์  เพราะเหตุว่าจะมีพระกุมารคนหนึ่งบังเกิดมาเพื่อเรา  จะมีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เราพระองค์จะทรงแบกภาระปกครองไว้บนบ่าอย่างเพียบแปล้  พระองค์จะทรงนำสันติสุขมาสู่โลก”  (มคา. 5,2)

  2. พระนางมารีอาเป็นบุคคลแรกที่ได้เห็นพระผู้ไถ่บังเกิดมาต่อมาก็นักบุญยอแซฟ  และบรรดาชุมพาบาลที่เฝ้าฝูงแกะอยู่ไกล้ๆ นั้น  คนอื่นๆ ก็กำลังคอยรพระผู้ไถ่เหมือนกัน  เช่น  พวกโหราจารย์ที่ได้เห็นดาวประหลาดปรากฏมาทางทิศตะวันออก  จึงรีบเดินทางมานมัสการพระองค์และถวายบรรณาการ  คือ  ทองคำ  กำยาย  และมดยอบ  ผู้เฒ่าสิเมโอนซึ่งเฝ้าคอยอยู่ที่พระวิหารเพื่อที่จะได้เห็นพระผู้ไถ่ก่อนที่จะอำลาโลกนี้ไป  ท่านได้เห็และได้อุ้มพระกุมารพลางกล่าวว่า  “ดวงตาข้าพเจ้าได้เห็นองค์ความรอดซึ่งพระเป็นเจ้าทรงเตรียมสำหรับนานาชาติแล้ว  นี่คือแสงสว่างที่จะส่องนานาชาติเป็นศักดิ์เป็นศรีและเป็นเกียรติแก่อิสราแอล”  (ลก. 2,30 – 32)

  3. แต่ก็มีบางคนที่ไม่ยินดีกับการบังเกิดมาของพระกุมาร  กลับถือเป็นภัยสำหรับตัวเอง  เช่น  กษัตริย์เฮร็อด  เป็นต้น  ที่กลัวบัลลังก์ของตนจะถูกแย่งชิงไป  จึงวางแผนกำจัดพระกุมารเสียโดยส่งทหารไปฆ่าเด็กทุกคนที่อายุตั้งแต่  2  ขวบลงมาที่เบธเลเฮม  แต่นักบุญยอแซฟก็พาพระนางมารีอาหนีไปประเทศอียิปต์เสียก่อน  จึงพ้นภัยไป  เหตุการณ์นี้จึงสอดคล้องกับคำพยากรณ์ของประกาศกโฮเชยาที่ว่า  “เราได้เรียกบุตรชายของเราออกมาจากประเทศอียิปต์”  (ฮชย. 1,11)  นักบุญยอห์น  อัครสาวกกล่าวไว้ในพระวรสารของท่านว่า  “พระองค์เสด็จมายังประชากรของพระองค์แต่หลายคนไม่ต้อนรับพระองค์”  (ยน. 1,11)
  1. เหตุการณ์สุดท้ายในช่วงปฐมวัยของพระเยซูคริสต์เกิดขึ้นเมื่อพระองค์มีอายุได้  12  ปี  ได้เสด็จไป    ฉลองปัสกาที่กรุงเยรูซาเล็มโดยไม่มีใครรู้  พระนางมารีอาและนักบุญยอแซฟต้องกลับไปตามหาถึง  3  วัน  จึงพบในพระวิหาร  เมื่อพระนางมารีอากล่าวว่า  “ลูกเอ๋ย  ทำไมจึงทำเช่นนี้  ดูซิพ่อกับแม่เป็นห่วงตามหาลูก”  พระกุมารกลับตอบว่า  “คุณพ่อคุณแม่ตามหาลูกทำไม  ไม่ทรบหรือว่าลูกต้องทำตามพระประสงค์ของพระบิดา  ?”  ฝ่ายบิดามารดาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร  แต่พระกุมารก็กลับไปนาซาแร็ธและนอบน้อมเชื่อฟังท่านทั้งสองอย่างดี  (เทียบ ลก. 2,45 – 51)

                   เราเองก็ยังไม่เข้าใจพระเยซูคริสต์อย่างทะลุปรุโปร่ง  เพราะพระองค์ทรงเป็นทั้งพระเป็นเจ้าและมนุษย์  เราจึงต้องทำเหมือนพระนางมารีอาคือ  “เก็บเรื่องราวทั้งหมดนี้ไว้ใคร่ครวญในใจ”  (ลก. 2,51)  และน้อมรับทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าพระบิดา  แล้วเราก็จะประสบความเจริญในชีวิตเหมือนพระเยซูคริสต์คือ  “พระองค์ก็เจริญขึ้นทางสติปัญญา  ร่างกาย  เป็นที่โปรดปรานของพระเป็นเจ้า  และของคนทั้งหลาย”  (ลก. 2,52)          

   

ขั้นที่ 4  ปฏิบัติ

ก.  ข้อควรจำ    

  1. 1. “เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วพระเป็นเจ้าก็ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาบังเกิดจากสตรี  ทรงบังเกิดมาใต้ธบัญญัติ”  (กท. 4,4)
  2. พระผู้ไถ่บังเกิดในถ้ำเลี้ยงสัตว์ที่เบธเลเฮมอย่างต่ำต้อยยากจน  เป็นการถ่อมพระองค์อย่างที่สุดเพื่อไถ่กู้บาปที่ปดามารดาเดิมได้กระทำ  คือการยกตนสูงเท่าเสมอพระเป็นเจ้า                                                                                                                                                                                
  3. พระองค์เสด็จมายังประชากรของพระองค์  แต่หลายคนไม่ต้อนรับพระองค์  ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์            และเชื่อในพระนามของพระองค์  พระองค์ก็ประทานสิทธิเป็นบุตรของพระเป็นเจ้าให้”  (ยน. 1,11 – 12)
  4. เราจงเก็บเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ไว้ใคร่ครวญในใจ  และน้อมรับทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าพระบิดา

ข.  กิจกรรม     แบ่งผู้เรียนเป็น  4  กลุ่ม  ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันแต่งบทภาวนากลุ่มละบทเพื่อ

  1. สวดเตรียมรับเสด็จพระผู้ไถ่บังเกิดมา
  2. สวดรับเสด็จพระผู้ไถ่บังเกิดมาแล้ว
  3. สวดขอพระผู้ไถ่ช่วยคุ้มภัยจากศัตรู
  4. สวดขอพระผู้ไถ่ช่วยให้เราดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระองค์ คือ  นอบน้อมเชื่อฟัง  เสร็จแล้วให้สวด จริง ๆ ทีละกลุ่ม  ปิดท้ายด้วยเพลง “พระทรงบังเกิด”


          พระทรงบังเกิดโลกจงยินดี   ชุลีน้อมรับพระเจ้า

ให้ทุกดวงใจไว้คอยเฝ้า  เชิญเราทุกคนร้องเพลงเปล่งเสียง

เชิญเราทุกคนร้องเพลงเปล่งเสียง  เชิญเรา  เชิญเราร้องเพลงเปล่งเสียง

          พระเจ้าทรงครองโลกจงชมชื่น   เริงรื่นร้องเพลงสุนทร

ให้นาทุ่งราบน้ำหินดินดอน    สะท้อนเพลงก้องกันวาน

สะท้อนเพลงก้องกังวาน       สะท้อน  สะท้อนเพลงก้องกังวาน

          อย่าปล่อยให้บาปกำเริบคุกคาม   อย่างหนามงอกลามในสวน

พระมาอวยพระดับทุกข์ทั่วถ้วน ของมวลชนชาวโลกา

ของมวลชนชาวโลกา    ของมวล  ของมวลชนชาวโลกา

          ทรงครองโลกด้วยพระคุณสัจจา    ประชาพิสูจน์เห็นจริง

เกียรติความชอบธรรมแจ่มแจ้งอย่างยิ่ง  อัศจรรย์ความรักพระเจ้า

อัศจรรย์คามรักพระเจ้า  อัศจรรย์  อัศจรรย์ความรักพระเจ้า

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์