หน้าที่ผู้นำ
หน้าที่ทั่วไปของผู้นำในค่าย
ผู้นำควรที่จะรู้ถึงหน้าที่ของตนภายในค่าย หน้าที่นี้นอกเหนือจากหน้าที่การสอนในห้องแล้ว ยังมีหน้าที่อื่นๆ ที่สำคัญและจำเป็นในการใช้ชีวิตอยู่ในค่าย ๆ นี้ หน้าที่ต่าง ๆ เหล่านี้ได้แก่
- หน้าที่ต่อจุดประสงค์ของค่าย และเรื่องเกี่ยวกับค่าย
ผู้นำที่ดีต้องเข้าใจในจุดประสงค์ของค่ายให้ถ่องแท้ เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตนให้ถูกต้องในการร่วมงานกับทีมงาน และในการทำกิจกรรมต่างๆ
ในฐานะที่ท่านจะต้องเป็นดุจพ่อแม่ของเด็ก ท่านจำเป็นต้องเรียนรู้เรื่องของเด็กๆ และเก็บงาน ด้วยการสังเกตสมาชิกต่างๆ เป็นต้นในระยะ 2 - 3 วันแรก ต้องคอยดูความว้าเหว่ ความคิดถึงบ้านการปรับตัว ความไม่สะดวกสบาย ตลอดจนความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของชาวค่าย
- หน้าที่ต่อตัวท่านเอง
ตัวท่านเองต้องเป็นรูปแบบให้กับเด็กๆ ดังนั้นความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ท่านได้รับมอบหมาย ต้องอย่าให้ด่างพร้อย ความเป็นเสมอต้นเสมอปลาย อารมณ์มั่นคง ไม่ตื่นตกใจ ตรงต่อเวลา อย่าให้เด็กมาคอยท่าน แต่ท่านควรมาคอยเด็กในทุกๆกิจกรรม
- หน้าที่ปลุกเด็กตื่นนอน
ท่านต้องคอยระวังเด็กที่ชอบตื่นก่อน แล้วทำเสียงรบกวนผู้อื่น ควรสอนมารยาท และความเกรงใจให้แก่เด็กๆ เมื่อให้สัญญาณตื่นควรให้เด็กสวดบทภาวนาเช้าสั้นๆ อาจจะเป็นบทข้าแต่พระบิดา หรือวันทามารีอา 1 บท แล้วจึงไปทำธุระส่วนตัว
ผู้นำควรสอนเด็กให้รู้จักล้างหน้าแปรงฟัน ช่วยเด็กที่ไม่สามารถช่วยตนเองได้
ผู้นำควรใช้เวลาตรวจสุขภาพของเด็ก ตั้งแต่ผม ฟัน ร่างกาย เล็บ และสอนให้เก็บที่นอน ให้เรียบร้อย ในการปลุกเด็ก อาจจะใช้เสียงเพลงแทนกริ่งก็ได้
- หน้าที่ในการภาวนาเช้า และการหัดสวดภาวนา
ในกรณีที่แบ่งเด็กออกเป็นกลุ่ม ผู้นำจะต้องเตรียมตัวนำการสวดภาวนาเช้าสำหรับเด็กๆ จุดประสงค์ของการสวดภาวนาเช้าก็คือ การขอบคุณพระเจ้าสำหรับการพักผ่อนในคืนที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับชีวิตใหม่ และขอพรสำหรับวันใหม่
การสวดสำหรับเด็กๆ นั้น ควรมีรูปพระเป็นสัญลักษณ์อยู่ต่อหน้า เพื่อให้เด็กมีสมาธิมากยิ่งขึ้น
สำหรับเด็กๆ ที่ยังสวดบทภาวนาแบบเป็นทางการไม่ได้ ผู้นำอาจใช้เวลาเช้านี้ให้เด็กๆ ได้ท่องจำบทภาวนา แล้วมีการเอาการเป็นบทๆไป ไม่ควรใช้การบังคับ แต่ใช้การจูงใจให้เด็กได้ท่องบทสวดให้ได้มากที่สุด
สำหรับเด็กที่โตแล้ว อาจจะได้การสวดภาวนาเช้ากับธรรมชาติ ให้ฝึกการนั่งแบบสมาธิ หรือสวดภาวนาตามคำแนะนำที่อยู่ในสารคำสอน ฉบับเดือนมีนาคม ฉลอง 25 ปี ค่าย หน้า 46-47-48
- หน้าที่ระหว่างอาหาร
ผู้นำต้องเป็นตัวอย่างดีในเรื่องมารยาท และควรตักเตือนเด็กๆให้รับประทานอาหารด้วยความรัก ความเสียสละ จงเพาะนิสัยที่ดีให้กับพวกเขา การสวดภาวนาก่อนและหลังอาหาร เป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้นำควรสอนเด็กๆให้รู้บทสวดหรือร้องบทเพลงสั้นๆ เพื่อให้เด็กๆ ได้รู้จักขอบพระคุณพระเจ้า และใช้พระพรที่พระเจ้าประทานมาให้อย่างรู้คุณค่า
ในระหว่างการรับประทานอาหาร ผู้นำควรเดินดูความเรียบร้อย และควรตรวจดูว่า เด็กคนไหนทานได้หรือไม่ได้อย่างไร มีใครเจ็บไข้ได้ป่วยหรือไม่ เพื่อจะได้ช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที
- หน้าที่ต่อเพื่อนร่วมงาน
ผู้นำควรสังเกตดูความต้องการของผู้อื่น เพื่อให้ความร่วมมือและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
- หน้าที่ในการทำความสะอาดบ้าน
ผู้นำควรอยู่กับเด็กๆ เมื่อมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบในการทำความสะอาดบ้าน ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้เหมาะสม สอน-สาธิตการทำความสะอาด และการจัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆให้เข้าที่ ต้องจูงใจให้ชาวค่ายเกิดความภูมิใจในความสะอาดเรียบร้อยของที่พักและบริเวณค่ายของตน
- หน้าที่ในระหว่างชั่วโมงพัก
ความรับผิดชอบในระหว่างการหยุดพักจะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถ ความอดทนและความรัก ที่มีต่อเด็กๆ
ท่านอาจจะใช้เวลาพักสนุกอยู่กับเด็กๆ ทำให้เด็กมีความสุข มิใช่ความรำคาญ
- หน้าที่ต่ออุปกรณ์ของค่าย
ท่านจะต้องระมัดระวังรักษาอุปกรณ์ต่างๆให้อยู่ในระเบียบ สะอาด และมีการใช้อย่างปลอดภัย อย่าให้มีการทิ้งขว้าง
สิ่งที่ซ่อมแซมได้ควรนำมาซ่อม และสอนเด็กๆ ให้รู้จักรับผิดชอบและรู้จักประหยัด
- หน้าที่ต่อเสื้อผ้า
ท่านต้องตรวจดูการแต่งกายของเด็กๆ สอนให้รู้จักการใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม สอนให้รู้จักการ ผ้าด้วยตัวเอง
- หน้าที่ด้านความประพฤติ
ท่านต้องรายงานเหตุการณ์ที่รุนแรงหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อผู้อำนวยการทราบทุกครั้งไป
- หน้าที่ต่อผู้ปกครอง
เมื่อมีผู้ปกครองหรือแขกไปเยี่ยมค่าย ท่านต้องแนะนำตัวเอง หรือสร้างบรรยากาศให้เป็นกันเอง อย่าปล่อยให้แขกต้องรอนาน
- หน้าที่เมื่อเด็กเข้าวัดร่วมมิสซา
ผู้นำควรอยู่กับเด็กในความรับผิดชอบของตนเอง กระตุ้นให้เขาสวดหรือขับร้อง ตักเตือน ท่าทางที่ไม่เหมาะสม ขณะร่วมพิธี แต่ควรทำแบบระมัดระวัง อย่าให้กลายเป็นจุดเด่นของพิธีไป
- หน้าที่ขณะเล่นเกม-กีฬา
การละเล่นทำให้เรารู้ว่าเด็กได้ดี ผู้นำที่ดีควรรู้จักใช้เวลานี้ในการสร้างความคันเคยกับเด็ก และชักชวนเด็กมาร่วมเล่น เพื่อให้คลายความคิดถึงบ้าน
- หน้าที่ที่จะให้อิสระแก่ชาวค่าย
การเสริมสร้างจิตใจและอุปนิสัยของชาวค่ายนั้น ขึ้นอยู่กับการให้อิสระภาพเป็นส่วนใหญ่ ควรปล่อยให้เด็กๆได้มีเวลาทำอะไรตามใจปรารถนา ให้มีความคิดริเริ่มที่จะทำอะไรโดยใช้ความคิด การตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง
- หน้าที่เวลาเข้านอน
ก่อนนอน ควรมีการให้ข้อคิดเตือนใจที่ดี อย่าให้เด็กเกิดความเครียดก่อนเข้านอน
- หน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย
ความปลอดภัยทั้งด้านร่างกาย และจิตใจภายในค่ายควรจัดระบบการรักษาความปลอดภัย ไม่ควรให้คนแปลกหน้าเข้ามายามค่ำคืน ไม่ควรให้เด็กๆอยู่ในที่ลับหูลับตา
ความปลอดภัยเกี่ยวกับทรัพย์สิน อย่าให้เด็กๆ เก็บของมีค่าไว้กับตนเอง ควรฝากไว้ที่เหรัญญิกของค่าย
หน้าที่ของผู้นำในการนำกลุ่ม