บทเทศน์เพื่องานแพร่ธรรม
สัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม
วันที่   : 9 ตุลาคม 2011 (สัปดาห์ที่ 28 เทศกาลธรรมดา)
หัวข้อเรื่อง  : การประกาศพระวรสารใหม่ 1
บทอ่าน  : อสย 25:6-10 ฟป 4:12-14,19-20 มธ 22:1-4

             ในสารวันอาทิตย์แพร่ธรรมสากลของปีนี้   สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16  ได้ทรงเตือนเราถึงการเรียกที่จำเป็นของเราให้ประกาศพระวรสารไปทั่วทุกมุมโลก  เป็นการส่งไปของพระเจ้า  ที่บรรดาอัครสาวกได้รับจากพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ  และส่งมอบต่อลงมาถึงเราผู้เป็นประชากรของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น  สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเน้นย้ำถึงการไตร่ตรองคำสอนของพระศาสนจักรเรื่องการแพร่ธรรมว่า  “การประกาศพระวรสารเป็นพระหรรษทานและกระแสเรียกเฉพาะของพระศาสนจักร  เป็นเอกลักษณ์ที่ลึกซึ้งที่สุดของพระศาสนจักร  พระศาสนจักรมีอยู่เพื่อการประกาศพระวรสาร” (EN 14)


             ในโลกปัจจุบันซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว  ถูกขัดจังหวะเป็นช่วงๆ จากการระเบิดใน          นวตกรรมทางเทคโนโลยี   เราจึงถูกเรียกให้ฟื้นฟูพันธกรณีของเราเรื่องการแพร่ธรรมที่ถูกส่งไปเพื่อประกาศข่าวดีแห่งการช่วยให้รอดพ้น   เราถูกท้าทายให้อ่านวิกฤตของเครื่องหมายแห่งกาลเวลา  เราต้องค้นหาอย่างต่อเนื่องถึงความหมายใหม่ๆ ของการแพร่ธรรมนี้   เพื่อพูดกับชนรุ่นใหม่ในยุคดิจิตอลที่ท้าทายเหล่านี้   ในขณะที่สารของพระวรสารยังคงเหมือนเดิม  แต่สนามงานแพร่ธรรมเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้น เราจึงถูกถามด้วยคำถามที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า สนามงานการแพร่ธรรมในปัจจุบันคืออะไร  เราจำเป็นต้องนำพระวาจาของพระเจ้าไปที่ไหน  เรากำหนดรูปร่างให้การเรียกสู่การประกาศพระวรสารอย่างไร

              จุดสำคัญของสนามงานแพร่ธรรมในปัจจุบันพบได้มากมายในรูปแบบของสื่อ  สื่อเป็นสิ่งที่เราหนีไม่พ้น   สื่อมีอยู่ทุกหนแห่ง  แม้ในสถานที่ที่เราไม่คาดคิดว่าจะมี  มันพุ่งเข้ามาในชีวิตของเราอย่างมองไม่เห็น  ที่บ้าน  ที่โรงเรียน  ที่ทำงาน  และในพระศาสนจักร   ซึ่งแท้จริงแล้วไม่มีสถานที่ใดในโลกที่สื่อเข้าไม่ถึง   ชีวิตของเราเต็มไปด้วยร่มเงาของสื่อ  โทรศัพท์มือถือ  โทรทัศน์  วิทยุ   เครือข่ายต่างๆ  หลอมละลายเข้ามาในชีวิตของเราแต่ละคนอย่างไม่รู้ตัว  ความจริงคือไม่มีใครเป็นอิสระจากสื่อ  ดังนั้น  หัวใจของงานของเราในปัจจุบันคือการนำพระวรสารเข้าไปในที่ซึ่งมีสื่ออยู่  เราจะเริ่มงานที่ยากลำบากนี้ที่ใด

              สนามงานการแพร่ธรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าทึ่ง  และเช่นเดียวกับวิธีการทำงานแพร่ธรรม  เดชะบุญที่มุมหลักของงานแพร่ธรรมยังคงเหมือนเดิมคือครอบครัว  การเชื่อมโยงคุณค่าของพระวรสารกับสื่อนั้นต้องเริ่มที่บ้าน   ในปัจจุบัน เราสามารถกล่าวได้อย่างจริงจังว่า บ้านของเราเป็นเหมือนกับดงขอสื่อ  เสียงโทรศัพท์มือถือ  โทรทัศน์และวิทยุตั้งเวลาการแข่งขันไว้   เอ็มพีสาม ไอพอด  ไอแผด  มีการเล่นการปรับจูนกันอย่างกว้างขวาง  รายการต่างๆ เหล่านี้ดูเหมือนไม่จบสิ้น   แต่จุดรวมสุดท้ายคือตัวบุคคลไม่ใช่เครื่องมือสื่อสารต่างๆ  เป็นผู้ใช้ไม่ใช่เครื่องมือกระจุกกระจิกเหล่านี้  ดังนั้นเราแสวงหาที่จะประกาศพระวรสารกับผู้ที่อาศัยอยู่ในดงสื่อเหล่านี้  ไม่ใช่พันธกิจในปัจจุบันของเราที่จะต่อสู้กับสื่อ  แต่คือการใช้ประโยชนจากสื่อให้เป็นเครื่องมือสำหรับการพัฒนามนุษย์ทั้งครบซึ่งเป็นหัวใจของพระวารสาร  เป็นความเยี่ยมยอดที่ในปัจจุบันพระวรสารได้รับการประดิษฐานและตั้งไว้ในมุมที่โดดเด่นของบ้าน  ที่ซึ่งสื่อยัดเยียดตนเองอย่างแน่นอนในหน้ากากของ “ความต้องการ” และ “ความจำเป็น”

               เราทุกคนเล่นอยู่ในและรอบๆดงสื่อนี้  และที่พบมากที่สุดเป็นพิเศษคือคนรุ่นใหม่ที่เป็นเยาวชน  สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ทรงเป็นวีรบุรุษของบรรดาเยาวชน  เพราะพระองค์เป็นประกาศกของพวกเขา  พระองค์เข้าใจถึงความอยากในการเชื่อมโยงกันของพวกเขา  พระองค์ทรงแบ่งปันความวิตกกังวลของการถูกจับขึ้นในเว็บที่ซับซ้อนของโลกที่มีสื่อเป็นสื่อกลางของพวกเขา  นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเครือข่ายทางสังคม เช่น เฟสบุค และทวิตเตอร์ เป็นที่นิยมของชนทุกเพศทุกวัย  เป็นปรากฏการณ์ที่กระหน่ำอยู่ในท่ามกลางเยาวชน  เช่น โทรศัพท์มือถือ  เครือข่ายทางสังคมเหล่านี้กลายเป็นการขยายออกของพวกเขา  จึงเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะถูกปิดกั้นจากสื่อ  ซึ่งสำหรับพวกเขาจะกลายเป็นการสูญเสียส่วนที่มีความหมายสำหรับพวกเขา   สำหรับเยาวชนจำนวนมากการไม่มีสื่อคือการอยู่ชายขอบของความเกี่ยวเนื่องกัน

               พระวรสารในวันนี้กล่าวถึงบรรดาผู้ได้รับเชิญมาในงานวิวาหมงคล  ซึ่งไม่สวมเสื้อสำหรับงานวิวาห์โดยทั่วไปแล้วบุคคลเหล่านี้คือพวกเราจำนวนมาก  เย็นเฉยที่จะกลับเข้าไปในคอกแกะและยังไม่ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องอย่างแท้จริง  ที่น่าตะลึงยิ่งกว่านั้น  บุคคลเหล่านี้คือเยาวชนของเรามีความกระตือรือร้นอย่างดื้อด้านที่ลอยไปตามกระแสของยุคสมัยเทคโนโลยีนี้  เยาวชนต้องการการเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษในความว้าวุ่นใจที่มีอยู่ทั่วไปในยุคสมัยของเทคโนโลยีขั้นสูงนี้  พวกเขาต้องการ  “การแต่งกายอย่างเหมาะสม”  ไม่ใช่การแต่งกายแบบ “เย้ายวนใจและฉูดฉาด” ไปตามสื่ออุปกรณ์ใหม่ล่าสุดตามตลาด   แต่ตามคุณค่าของพระวรสารคือ  การรัก  รับใช้  ความเอื้ออาทร  การเสียสละ   การให้อภัย   ซึ่งเอ่ยชื่อได้เพียงไม่กี่อย่างนี้  เราจำเป็นต้องตอบสนองความหิวกระหายของพวกเขา การโหยหาฝ่ายจิตใจและโหยหาพระเจ้าในท่ามกลางการถาโถมของเทคโนโลยีที่ทะลักเข้ามา ให้เราจุดประกายหัวใจของเขาด้วยไฟแห่งความรักพระวาจาของพระเจ้า ให้เราพยายามที่จะชำระล้างความปรารถนาของพวกเขาด้วยคุณค่าของพระวรสารในการที่จะการเชื่อมโยงกันกับผู้อื่น  กล่าวคือให้เราปลูกฝังความรักและการอุทิศตนเพื่อพระวาจาของพระเจ้าให้มากยิ่งขึ้นในบ้านและครอบครัวของเรา

               นี่คือการแพร่ธรรมของเราในปัจจุบัน  นี่คือความหมายของการถูกส่งไปโดยพระบุตรในปัจจุบัน  นี่คือการประกาศพระวรสารในศตวรรษที่ 21