ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน 2011
สัปดาห์ที่ 1 ในเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
         
วันอาทิตย์นี้เป็นวันอาทิตย์เริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า หรือการเตรียมฉลองวันเกิดของพระเยซูเจ้า หมายความว่าอีก 4 สัปดาห์เราก็จะฉลองวันคริสต์มาสกันอีกแล้ว


           พระวาจาของพระเจ้าในวันอาทิตย์นี้และวันต่อๆไปจะมีเนื้อหาสาระที่เตือนหรือเชิญชวนเราให้ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท แต่ให้เราทุกคนเตรียมจิตใจให้พร้อม พระคัมภีร์ใช้คำว่า “จงระวัง” “จงตื่นเฝ้า” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาพแห่งการเตรียมพร้อมเพื่อรับเสด็จพระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งจะเสด็จมาหาเราหรือเรียกเราไปหาในเวลาที่เราไม่ได้คาดคิด เหมือนเจ้านายที่กลับบ้านโดยที่ผู้รับใช้ไม่ทันรู้ตัว จึงไม่ได้เปิดตูต้อนรับหรือฏิบัติรับใช้นายอย่างที่ควรเป็น

                (เราเข้าใจถึงความเสียหายของการดำเนินชีวิตอย่างประมาทได้อย่างง่ายๆ เป็นต้นในภาวะที่เกิดน้ำท่วมอยู่ในขณะนี้ หลายคนไม่ทันได้เตรียมตัวหรือคิดว่าน้ำคงไม่มาจึงไม่ได้เก็บข้าวของหรือนำรถยนต์ของตนไปไว้ในที่ปลอดภัย เพียงไม่กี่ชั่วโมงน้ำก็มา ข้าวของก็เสียหายไปกับสายน้ำ)

              พูดถึงการเตรียมพร้อม โดยการดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังหรือการตื่นเฝ้านี้ ขอนำเอานิทานพื้นบ้านของประเทศฟิลิปปินส์มาเล่าสู่กันฟังเพื่อช่วยให้เราเข้าใจและเกิดความตระหนักมากยิ่งขึ้น

              มีนกแสนสวยและวิเศษมากตัวหนึ่ง ชื่อ “อาดาร์น่า” นกตัวนี้สามารถร้องเพลงที่ไพเราะได้ถึง 7 บทเพลงด้วยกัน ใครก็ตามที่ได้ฟังเพลงจากนกน้อยตัวนี้แล้วจะต้องหลับใหลกันทุกคน และความวิเศษของนกตัวนี้ก็คือมันช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้หายได้ แต่เมื่อนกวิเศษตัวนี้ร้องเพลงครบ 7 เพลงแล้ว คนที่รับฟังก็จะหลับใหล จากนั้นมันจะถ่ายมูลลงมา มูลของนกนั้นถ้าตกไปโดนสิ่งที่มีชีวิตใดก็จะทำให้สิ่งนั้นกลับกลายเป็นก้อนหินทันที

            ยังมีพระราชาคนหนึ่งที่มีอาการเจ็บป่วยอย่างมาก พระองค์แสวงหานายแพทย์ที่เชี่ยวชาญจนหมดแผ่นดินแล้วก็ยังไม่มีใครที่จะรักษาให้หายได้ ที่สุดมีคนมาเล่าเรื่องของนกวิเศษให้พระองค์ฟัง เมื่อทุกคนทราบข่าวที่นำความหวังมาให้กับแผ่นดินเช่นนี้ โอรสทั้งสามของพระราชาจึงขันอาสาไปจับเอานกวิเศษที่ชื่อ อาดาร์น่า มาเพื่อจะได้รักษาพระราชบิดาของตน

            โอรสคนโตเป็นคนแรกที่เดินทางออกไปหานกวิเศษ เจ้าชายคนนี้เดินทางเข้าป่าขึ้นเขาลงห้วยด้วยความเหนื่อยยาก ที่สุดเขาได้มาถึงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง และด้วยความหิวและความเหน็ดเหนื่อย เขาจึงนอนพักค้างคืนใต้ต้นไม้นั้น โดยที่ไม่รู้ว่านกวิเศษนั้นอาศัยอยู่บนต้นไม้นั้นเช่นเดียวกัน โดยสัญชาติญาณนกนั้นได้บินสู่ท้องฟ้าแล้วเริ่มร้องเพลง เพียงแค่เพลงแรกเท่านั้นก็ทำให้เจ้าชายเคลิ้มหลับไป และเมื่อมันร้องครบ 7 เพลงมันก็ถ่ายมูลตกลงมาใส่ร่างของเจ้าชายที่กำลังหลับใหลอยู่ เจ้าชายก็กลับกลายเป็นก้อนหินไปในทันที

             อาการของพระราชายิ่งเลวร้ายลง โอรสคนที่สองเมื่อเห็นว่าพี่ชายยังไม่กลับมาจึงตัดสินใจเข้าป่าเพื่อจะได้ไปตามและจับนกวิเศษมารักษาพระราชบิดาให้ได้ แต่ก็ต้องตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับพี่ชายคนโต ที่สุดโอรสองค์สุดท้องจึงได้ออกติดตามพี่ๆและเพื่อจับนกวิเศษให้ได้ ขณะที่เดินทางในป่านั้น เจ้าชายองค์น้อยได้พบกับนักพรตท่านหนึ่ง นักพรตท่านนี้รู้สึกประทับใจในตัวของเจ้าชายองค์น้อยนี้มาก เมื่อรู้ว่าเจ้าชายมีความต้องการอะไรจึงได้แนะวิธีการจับนกวิเศษตัวนี้ให้ โดยมอบมีดให้หนึ่งเล่มและมะนาวหนึ่งลูก ทั้งนี้เพื่อจะได้ป้องกันมิให้เจ้าชายเคลิ้มไปกับเสียงเพลงของนกวิเศษตัวนั้น เมื่อเจ้าชายพบนกวิเศษตัวนั้น ขณะที่มันเริ่มร้องเพลง เจ้าชายก็ใช้มีดกรีดฝ่ามือของตนเองแล้วบีบน้ำมะนาวลงไปในแผลนั้น ความเจ็บแสบจะทำให้เจ้าชายตื่นตัวและระมัดระวังตนอยู่เสมอ เมื่อเพลงที่สองเริ่ม เจ้าชายก็กรีดฝ่ามือของตนเองอีกแผลหนึ่งแล้วบีบมะนาวลงไปอีก เจ้าชายทำอย่างนี้จนครบ 7 เพลง ที่สุดเสียงเพลงของนกตัวนั้นก็ไม่สามารถทำให้เจ้าชายองค์น้อยหลับใหลได้ ไม่เหมือนกับพี่ชายทั้งสอง และนักพรตยังได้บอกกับเจ้าชายว่าเมื่อนกร้องเพลงครบแล้วมันจะนอนหลับเช่นเดียวกัน และในขณะที่นกหลับก็ให้เจ้าชายได้เอาเชือกทองคำมัดเจ้านกวิเศษตัวนี้แล้วนำกลับไปรักษาพระราชบิดาของตน เจ้าชายก็ได้ปฏิบัติตามนักพรตผู้ศักดิ์สิทธิ์นั้นทุกประการและสามารถนำนกวิเศษไปช่วยรักษาอาการป่วยของพระราชบิดาได้

            เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสต์เจ้านี้ พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้ดำเนินชีวิตอย่างดี อย่าหลงไปกับเสียงเพลงหรือแสงสีแห่งโลกนี้ การฉลองคริสต์มาสที่เรากระทำกันในแต่ละปีนั้น เรามักจะเน้นไปยังความสนุกสนาน การเฉลิมฉลองแต่ภายนอก ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะเป็นเหมือนเจ้าชายสองพระองค์แรกที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่เราต้องเป็นเหมือนเจ้าชายองค์เล็กที่ติด “มีด” กับ “มะนาว” ไว้ในชีวิต นั้นก็คือการรู้จักบังคับตน การพลีกรรม การเสียสละ การตื่นเฝ้าด้วยการภาวนา  การทำกิจกุศล

           พระวาจาของพระเจ้าจากพระวรสารในวันนี้ พระองค์ทรงเตือนสานุศิษย์ของพระองค์ “จงระวัง จงตื่นเฝ้า” การดำเนินชีวิตตามกระแสโลกซึ่งเลือกเอาแต่ความสะดวกสบายนั้น เป็นการดำเนินชีวิตที่อันตรายต่อจิตวิญญาณของเรา แต่การรู้จักควบคุมตนเอง ปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้า การหลีกหนีโอกาสบาปต่างๆ เป็นต้น จากพยศชั่วหรือบาปต้น 7 ประการ คือ การจองหอง ตระหนี่ อุลามก อิจฉา โลภอาหาร โมโห เกียจคร้าน พฤติกรรมเหล่านี้จะนำความสุขและความบริสุทธิ์มาสู่จิตวิญญาณของเรา เราต้องพยายามต่อสู่ หรือระมัดระวังไม่ให้หลงหรือติดกับพยศชั่วเหล่านี้ และนี้แหละจะเป็นการเตรียมจิตใจเพื่อต้อนรับเสด็จพระเยซูคริสตเจ้าที่ดีที่สุด

           ให้เราแต่ละคนได้เลือกข้อตั้งใจที่จะดำเนินชีวิตอย่างดีโดยไม่หลงไปกับค่านิยมของโลก ให้ทำดีเพื่อเป็นของขวัญให้กับพระเยซูในวันฉลองคริสตมาส
(แนวคิดของ คุณพ่อ Emil B. Pati, SVD จากหนังสือ The Word in other words)

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์