ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

บทที่ 29
พระเยซูคริสต์ ทรงไถ่เราด้วยการทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนเห็นคุณค่าของการทรมานและการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
และปรารถนาจะมีส่วนร่วมกับพระองค์

ขั้นที่ 1 กิจกรรม

 ครูยกตัวอย่างของคนที่ตกยากแล้วกลับได้ดีในบั้นปลาย เช่น
            โยบ เป็นผู้ร่ำรวยมั่งคั่งในตอนแรก มีข้าทาสบริวารและสัตว์เลี้ยงมากมาย ปีศาจยื่นข้อเสนอต่อพระเป็นเจ้าว่า โยบซื่อสัตย์ต่อพระองค์เพราะเขามีทุกสิ่งทุกอย่าง ลองให้เขาสูญเสียสิ่งที่เขามีแล้วเขาจะด่าแช่งพระองค์ พระเป็นเจ้าจึงทรงอนุญาตให้ปีศาจทดลองโยบได้ แต่อย่าแตะต้องตัวเขา ปีศาจบันดาลให้เกิดเหตุเภทภัยมากมายแก่โยบและครอบครัว เช่น ให้มีโจรมาปล้นสะดมเอาสัตว์เลี้ยงไปและฆ่าคนดูแลตาย ให้เกิดไฟไหม้เผาผลาญฝูงแกะและคนเฝ้าตาย ให้เกิดพายุพัดพาบ้านเรือนพังพินาศทับบุตรชายหญิงของท่านตาย โยบลุขึ้นฉีกเสื้อคลุมของตน โกนศีรษะ กราบลงถึงดินนมัสการพระเป็นเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้ามาจากครรภ์มารดาตัวเปล่า ข้าพเจ้าจะกลับไปมือเปล่า พระเจ้าประทานให้ พระเจ้าทรงยกเอาไป ขอพระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ” ในเหตุการณ์ทั้งสิ้นนี้โยบมิได้ทำบาปหรือด่าแช่งพระเป็นเจ้าเลย

            ปีศาจจึงยื่นข้อเสนอต่อพระเป็นเจ้าอีกว่า ถ้าลองให้แตะต้องตัวเขาได้ เขาจะด่าแช่งพระเป็นเจ้าแน่ ๆ พระเป็นเจ้าทรงอนุญาต แต่อย่าให้ถึงแก่ชีวิต ปีศาจบันดาลให้โยบเป็นผีร้ายตั้งแต่ฝ่าเท้าจนจรดศีรษะ เน่าเฟะไปทั้งตัว ภรรยาต้องไล่ไปอาศัยอยู่นอกบ้านแถมเยอะเย้ยว่า “ยังซื่อสัตย์อยู่อีกหรือ จงด่าแช่งพระเป็นเจ้าและตายเสียเถิด” โยบตอบนางว่า “เธอพูดอย่างคนโง่ เรารับสิ่งดี ๆ จากพระเป็นเจ้าโดยตลอด จะไม่รับสิ่งไม่ดีบ้างหรือ?” ในเหตุการณ์ทั้งสิ้นนี้โยบก็มิได้ด่าแช่งพระเป็นเจ้า (โยบ 1-2)

           เพราะเหตุนี้พระเป็นเจ้าจึงทรงให้โยบกลับมีสุขภาพดีดังเดิม และประทานให้โยบมีมากเป็นสองเท่าของที่มีแต่ก่อน ทั้งบุตรชายหญิง ทั้งข้าทาสบริวาร ทั้งสัตว์เลี้ยง และให้ท่านมีอายุยืนอีก 140 ปี ได้เห็นลูกหลานเหลนจนถึงสี่ชั่วอาย (โยบ 42.10-17)

           ครูอาจยกตัวอย่างบุคคลร่วมสมัยที่เคยผ่านความยากลำบากมา จนกระทั้งตั้งตัวเป็นเศรษฐีในปัจจุบันเป็นตัวอย่างก็ได้

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

 ครูถามนักเรียนว่า
  - รู้สึกอย่างไรเมื่อได้ฟังเรื่องของโยบ?
  - ได้บทสอนอะไรจากเรื่องนี้?
สรุป ความทุกข์ยากลำบากเป็นผลของบาปก็จริง แต่มันก็ได้กลายเป็นหนทางนำไปสู่ความรอด

ขั้นที่ 3 คำสอน

            1. พระเยซูคริสต์ได้ทรงวางแบบอย่างไว้ให้เราปฏิบัติตามพระองค์ได้ทรงไถ่กู้เราให้พ้นจากบาป และวิธีที่พระองค์ทรงใช้เพื่อการนี้ก็คือ รับทรมานและสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสว่า “ผู้ใดอยากตามเรามา ก็ให้ผู้นั้นเอาชนะตัวเอง แบกกางเขนของตน แล้วตามเรามา”  (มก.13,34) แบบกางเขนก็คือการรับทรมานเหมือนพระเยซูคริสต์นั้นเอง ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น

            2. ความยากลำบาก ความทรมาน เป็นปัญหาโลกแตกของมนุษย์ทุกยุคสมัย ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมจะต้องลำบาก ทำไมจะต้องทรมาน และไม่มีใครอยากลำบาก อย่างทรมานด้วย ดูมันขัดกับธรรมชาติมนุษย์เสียจริง ๆ เราจึงเห็นว่าที่ไหนมีความยากลำบากมนุษย์ก็พากันหนีหน้าไปหมด ที่ไหนมีความสบายมนุษย์ก็พากันมารุมจนมืดไปหมด เป็นต้นในยุคของเรานี้ที่เรียกว่า ยุคโลกาภิวัตน์เป็นยุคที่ใคร ๆ พากันขนานนามว่า ยุคบริโภคนิยมบ้าง ยุคเทคโนโลยีเฟื่องบ้าง เป็นยุคที่ใคร ๆ ก็แสดงหาแต่ความสะดวกสบาย และก็เป็นยุคที่มีเครื่องบำรุงบำเรอความสะดวกสบายถูกผลิตออกมายั่วกิเลสของมนุษย์มากที่สุด จนพระวาจาของพระเยซูคริสต์ที่ตรัสว่า “แบกกางเขนของตนแล้วตามเรามา” กลายเป็นสิ่งที่น่าหัวเราะและล้าสมัยไปถนัดทีเดียว

           3. จะอย่างไรก็ตาม เราก็มิอาจปฏิเสธคุณค่าของความยากลำบาก การทรมานไปได้ เพราะประสบการณ์สอนเราว่า สิ่งที่เราได้มาด้วยความยากลำบาก สิ่งนั้นก็มีคุณค่ายิ่งสำหรับเรา เราจะทะนุถนอมรักษาไว้อย่างเต็มที่ ตรงกันข้าม สิ่งที่เราได้มาง่าย ๆ ไม่ต้องลำบากลำบนอะไรเลย สิ่งนั้นกลับมีค่าน้อยเหลือเกิน ได้มาง่ายเสียไปง่าย เศรษฐีที่สร้างตัวมาจากความยากจน เขาจะเห็นคุณค่าของเงินทองทรัพย์สินที่เขาอุตส่าห์สร้างขึ้นมา และจะเก็บงำรักษา ไม่สุรุ่ยสุร่าย ส่วนเศรษฐีที่เป็นเศรษฐีเพราะเกิดมาในกองเงินกองทองจะจับจ่ายใช้สอยเงินทองอย่างไม่เห็นคุณค่า เพราะไม่ใช่หยาดเหงื่อแรงงานของตน ในไม่ช้าก็อาจจะกลายเป็นยาจกไปก็ได้

           4. เราคริสตชนเชื่อว่าความยากลำบาก การทรมาน เป็นหนทางนำไปสู่ความรอด หรือ ความสุขนิรันดร เพราะพระเยซูคริสต์ทรงสอนไว้ และพระองค์ทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่าง เราจึงเห็นบรรดานักบุญมรณสักขีมากมายเดินเข้าสู่แดนประการด้วยความร่าเริงยินดี เหมือนเดิมเข้าโรงมหรสพ เพราะนักบุญเหล่านั้นเข้าใจดีถึงคุณค่าของการทรมาน และไม่ใช่เพียงบรรดานักบุญที่ล่วงลับไปแล้วแต่ยังมีคริสตชนอีกเป็นจำนวนมากที่กำลังฟันฝ่าความยากลำบากแบกกางเขนแห่งการทรมานอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของโลก เช่น ตามอารามต่าง ๆ ตามสถานพยาบาล ตามสถานสงเคราะห์ ฯลฯ

           5. เราจงน้อมรับความยากลำบาก ความทรมาน ที่เกิดขึ้นกับเราด้วยความเข้าใจ เต็มใจ และด้วยใจยินดี จงเชื่อเถิดว่า ขณะกับเราด้วยความเข้าใจ เต็มใจ และด้วยใจยินดี จงเชื่อเถิดว่า ขณะนั้น เราเป็นที่โปรดปรานของพระเป็นเจ้าเป็นพิเศษ เพราะหลังพายุฝนก็จะมีความสงบราบคาบตามมา หลังการทรมานก็จะมีความสุขเกษมสันต์ตามมา

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. จดเนื้อหาลงในสมุด
1. พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้รอดอย่างไร?
 ตอบ  พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้รอดโดยรับทรมาน สิ้นพระชนม์เพื่อเรา
2. เรามีส่วนร่วมในพระทรมานของพระเยซูคริสต์อย่างไร?
 ตอบ  เรามีส่วนร่วมในพระทรมานของพระเยซูคริสต์โดยยอมรับความยากลำบากต่าง ๆ ในชีวิตด้วยความพากเพียรยินดี โดยถือตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า
ข. กิจกรรม
            พานักเรียนไปทำกิจศัรทธา “เดินรูป 14 ภาค” ในวัดเชิญชวนนักเรียนให้อดออมทรัพย์เพื่อช่วยคนยากจนหรือแบ่งปันสิ่งของที่ตนมี เช่น เสื้อผ้า อาหาร ของใช้ของเล่น เพื่อแจกจ่ายให้แก่เด็กยากจน

 

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์