บทที่ 26
เรากลับมีความสุขอีกครั้งกับพระเป็นเจ้า

จุดมุ่งหมาย เพื่อให้นักเรียนรู้สึกว่าการกลับมาหาพระเป็นเจ้านั้นเป็นความสุข
ส่วนการละทิ้งพระองค์ไปเป็นความทุกข์

ขั้นที่ 1 กิจกรรม

 เล่นเกม “กลับบ้าน”
           ครูแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่มเท่า ๆ กัน
กลุ่มที่หนึ่งเป็น “พ่อ”
กลุ่มที่สองเป็น “แม่”
กลุ่มที่สามเป็น “ลูก”

วิธีเล่น 
        1.จัดกลุ่มทั้งสามเข้าวงซ้อนกันเป็นครอบครัว “พ่อ” อยู่วงนอก “แม่” อยู่วงใน ลูกแทรกระหว่าง “พ่อ” และ “แม่”
        2.ครูออกคำสั่งให้แต่ละกลุ่มทำ เช่น “พ่อไปทำงาน” ผู้เป็น “พ่อ” ต้องวิ่งวนไปทางขวา แล้วกลับมาสู่ที่เดิมของตนให้ถูกต้อง “แม่ไปจ่ายตลาด” ผู้เป็น “แม่” ต้องวิ่งวนไปทางซ้ายแล้วกลับมาสู่ที่เดิมของตนให้ถูกต้อง “ลูกไปโรงเรียน”ผู้เป็น “ลูก” ต้องวิ่งวนไปทางขวาแล้วกลับมาสู่ที่เดิมให้ถูกต้อง
หมายเหตุ ครูคิดหาคำสั่งอื่น ๆ สลับกันไปจนสมควรแก่เวลา
        3.สุดท้ายครูออกคำสั่งให้แต่ละกลุ่มทำซ้อน ๆ กัน เช่น “พ่อไปเล่นตีกอล์ฟ” พอพ่อออกวิ่ง ก็ออกคำสั่งซ้อนว่า “แม่ไปเล่นไพ่” พ่อแม่ออกวิ่งก็ออกคำสั่งซ้อนว่า “ลูกไปเล่นสะเก็ต” แล้วให้ทั้งสามวิ่งกลับมาสู่ที่เดิมให้ครบถูกต้อง ครอบครัวไหนเสร็จก่อนเป็นฝ่ายชนะ

หมายเหตุ ครูคิดหาคำสั่งอื่น ๆ สั่งซ้อนสัก 2-3 รอบ

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

 ครูถามความรู้สึกของนักเรียน
 - สนุกหรือไม่? เพียงไร? อย่างไร?
 - มีบทสอนอะไรจากเกม “กลับบ้าน” นี้?
สรุป “บ้านคือวิมาน” เพราะพ่อแม่ลูก อยู่พร้อมหน้า ถ้าจะให้บ้านคงเป็นวิมานต่อไป สมาชิกในบ้านจะต้องคิดถึงบ้าน ห่วงใยบ้าน และกลับบ้าน

ขั้นที่ 3 คำสอน

          1. เมื่อเราทำบาปก็เท่ากับเราเตลิดออกจากบ้าน จากพ่อแม่ที่รัก คือพระเป็นเจ้า ต่อเมื่อเราพบว่าอยู่ห่างไกลบ้าน ห่างไกลพ่อแม่เรารู้สึกว้าเหว่ อ้างว้างโดดเดี่ยว เราก็สำนึกได้รีบกลับบ้านมาขอโทษพระเป็นเจ้า มาสารภาพความผิดของเรา และพระเป็นเจ้าก็ทรงยกโทษให้

         2. ที่สำคัญก็คือ เมื่อเรากลับบ้านของพระเป็นเจ้า เรากลับมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง และความสุขครั้งนี้มีคุณค่ามากลังจากที่เราได้สูญเสียมันไป ประสบการณ์สอนเราว่าหลายครั้งเราเคยชินกับสิ่งดี ๆ ที่เรามีอยู่กับตัวจนลืมคุณค่าของมัน กลับไปเที่ยวไขว่คว้าหาสิ่งอื่นที่คิดว่าดีกว่ามาใส่ตัวแทน แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวังสมดังภาษิตไทยที่กล่าวว่า “ใกล้เกลือกินด่าง” ไม่ผิด นิทานเปรียบเทียบของพระเยซูคริสต์เรื่อง “ลูกล้างผลาญ” ที่เราได้ยินได้ฟังมาหลายครั้งแล้วยังสามารถเป็นบทสอนในเรื่องนี้ได้ดี ลูกคนเล็กมีความสุขทุกอย่างที่บ้าน สุขจนลืม คิดว่านอกบ้านสุขกว่า เขามาเห็นคุณค่าของความสุขที่บ้านเอาเมื่อตอนตกระกำลำบาก หมดเนื้อหมดตัว เพื่อนฝูงพากันทอดทิ้ง ต้องไปรับจ้างเลี้ยงสุกร หิวจนอยากจะแย่งอาหารสุกรกิน เขาตาสว่าง รีบกลับบ้าน และเชื่อได้ว่านับตั้งแต่วันนั้น บ้านมีคุณค่าเพิ่มขึ้นสำหรับเขาหลายเท่าทีเดียว

           3. พระเป็นเจ้าคือความสุขของเรา พระองค์ทรงคอยเราอยู่ที่บ้าน เราจงรีบกลับบ้านมาหาพระองค์ และตัดสินใจว่าเราจะไม่ทิ้งบ้าน ทิ้งพระองค์ไปอีกด้วยการทำบาป เราจะบอกกับพระองค์ว่า ไม่มีความสุขเที่ยงแท้ถาวรใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น เราคงขาดพระองค์ไม่ได้เสียแล้ว

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. จดเนื้อหาลงในสมุด
1. ทำไมจึงว่า “บ้านคือวิมาน”?
 ตอบ  เพราะที่บ้านเราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา คือพ่อแม่ลูก
2. พระเป็นเจ้าทรงเป็นความสุขของเราอย่างไร?
 ตอบ  พระเป็นเจ้าทรงเป็นความสุขของเรา เพราะนอกจากระองค์จะทรงเป็นบิดาผู้พระทัยดีแล้ว พระองค์ยังทรงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเรา อยู่กับพระองค์เราไม่ขาดแม้แต่สิ่งเดียว
3. เราพึงปฏิบัติอย่างไรต่อพระเป็นเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขของเรา?
 ตอบ  เราพึงอยู่กับพระองค์ ยึดพระองค์เป็นที่พึ่ง และตั้งใจจะไม่ละทิ้งพระองค์ไปด้วยการทำบาป

ข. กิจกรรม
ร้องเพลง “มั่นใจในพระองค์” (ปรารถนา หน้า 170 เอ)

มั่นใจในพระองค์

1. จิตฉันมั่นใจในพระองค์   ท่านทรงเมตตาจะหาไหน
    ทรงมอบชีวิตพระคริสต์นั้นคือผู้ไถ่  หากเรามั่นใจในพระองค์
2. เมื่อครั้งวิญญาณฉันหลงทาง   สุดอ้างว้างกลางใจกระไรหนา
    มีแต่ทรงฤทธิ์พระคริสต์ผู้ทรงเมตตา  ทรงไถ่โทษาของข้าฯเอย
3. พระองค์นั้น (ฮัม...)สุดใฝ่ฝัน (ฮัม...)  เหมือนสิ่งเดียวเหนี่ยวฉันมั่นใจ
4. ใกล้ชิดพระคริสต์นิจนิรันดร์   สิ่งที่ฉันใฝ่ฝันตลอดไป
    ความสุขโลกนี้ไม่มีเหมือนที่ตั้งใจ   ขาดองค์ทรงชัยไม่ได้เลย