บทเทศน์เรื่อง
“ความสุภาพถ่อมตนเป็นบ่อเกิดแห่งความรู้และพระพรจากพระเจ้า”

         “ประกาศกและกษัตริย์จำนวนมากปรารถนาจะเห็นสิ่งที่ท่านเห็น แต่ก็ไม่ได้เห็น ปรารถนาจะฟังสิ่งที่ท่านได้ฟังแต่ก็ไม่ได้ฟัง”

พระคัมภีร์ :  ลูกา 10:21-24  พันธสัญญาเดิม : อิสยาห์ 11:1-10

           ท่านมีความต้องการที่จะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องขององค์พระผู้เป็นอย่างอย่างแท้จริงหรือไม่
พระเยซูเจ้าทรงตั้งข้อสังเกตว่าบรรดาประกาศกและกษัตริย์จำนวนมากที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าพระองค์นั้นปรารถนาจะเห็นและได้ยินได้ฟังและเข้าใจแผนการไถ่บาปของพระเจ้าแต่ก็ไม่ได้เห็นไม่ได้ฟัง แต่ทรงเปิดเผยแก่บรรดาคนต่ำต้อย

อะไรคือ “ข่าวดี” ที่พระเจ้าทรงเปิดเผยให้ผู้ต่ำต้อยได้ทราบ

         “ข่าวดี” แรกคือพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย
          เราจะเห็นได้ว่าบรรดาชาวอิสราเอลในสมัยก่อนพระเยซูเจ้านั้นมีความเข้าใจพระเจ้าจะส่งกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่มาปกครองชาติของตน และจะทำให้ชาติของตนมีอำนาจ ยิ่งใหญ่เกรียงไกรกว่าชาติใดๆทั้งปวง

           แต่ความใจเช่นนี้ไม่ถูกต้อง พระเจ้าทรงมีแผนการของพระองค์ที่ไม่เหมือนกับที่มนุษย์เราคิดกัน พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะส่งกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายมาปกครองโลกก็จริง ไม่ใช่โลกแห่งอาณาจักรแต่เป็นโลกแห่งจิตใจ ไม่ใช่โลกของชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่เป็นสากลโลก

           พระเจ้าทรงทำให้แผนการนี้สำเร็จสมบูรณ์ได้อย่างไร ก็โดยส่งพระบุตรพระผู้ไถ่ลงมาเพื่อเอาชนะบาป ความตายและปีศาจโดยชัยชนะของพระองค์เหนือกางเขนและหลุมศพ โดยอาศัยความตายและการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าทำให้เรากลับกลายเป็นประชากรสวรรค์/พลเมืองสวรรค์และมาเป็นเพื่อนของพระองค์

           องค์พระเยซูเจ้าปรารถนาที่จะให้เรามีชีวิตอย่างมีความหวังที่สดชื่นรื่นรมย์และรอคอยด้วยความมั่นใจว่าพระองค์จะเสด็จลงมาอีกเพื่อเสริมสร้างอาณาจักรแห่งความถูกต้องและสันติสุข

“ข่าวดี” ที่สอง คือ เรื่องพระเจ้าทรงเป็นบิดาของเรา
         พระเยซูเจ้าทรงภาวนาว่าอย่างไรในวันนี้(ลูกา 10:21-22) พระองค์ทรงบอกเราเกี่ยวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าและเกี่ยวกับตัวของพวกเราด้วย

         ก่อนอื่น พระองค์ทรงบอกเราว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นทั้งบิดาและองค์พระเจ้าทั้งของโลกนี้และในสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นทั้งพระผู้สร้างและผู้บังคับบัญชาทุกสิ่งที่พระองค์สร้าง และในเวลาเดียวกัน พระองค์ทรงเป็นองค์แห่งความดีงามและความรักห่วงใยต่อบรรดาลูกๆของพระองค์ ทรงมีทั้งความเป็นพ่อและแม่(อฟ 3:14-15)

“ข่าวดี” ที่สาม คือ เราต้องมีความสุภาพถ่อมตน
         คำภาวนาของพระเยซูยังบอกเราว่าความเย่อหยิ่งจะทำให้เราออกห่างจากความรักและความรู้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ความเย่อหยิ่งจะปิดจิตใจของเราไม่ให้รับรู้ความจริงและปรีชาญาณของพระเจ้าในชีวิตของเรา

         พระเยซูเจ้าทรงปรารถนาให้เราเป็นเหมือนเด็กๆที่ซื่อๆง่ายๆและสุภาพเรียบร้อย หัวใจที่ซื่อๆเป็นเหมือนเด็กๆทารกในแง่ที่ว่าพวกเขามีความบริสุทธิ์ใจไม่มีการเสแสร้งและยอมรับ

         ความจำกัดของตนเองและการพึ่งพาอาศัยผู้อื่นตลอดเวลา ให้เรามอบความไว้วางใจไว้ในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งความรอบรู้และพละกำลังทั้งสิ้นของเราเหมือนเด็กๆที่แสวงหาแต่เพียงอย่างเดียว คือ “summum bonum” หรือ “ความดีสูงสุด” ซึ่งก็คือ “องค์พระผู้เป็นเจ้า” นั้นเอง

          หัวใจที่เรียบง่ายเป็นหัวใจที่มี “ความสุภาพถ่อมตน” ซึ่งเป็น “แม่” แห่งคุณธรรมทั้งหลาย” เพราะว่าความสุภาพถ่อมตนช่วยเปิดหัวใจออกรับพระหรรษทานและความจริงต่างได้ เช่น ความน้อบน้อมเชื่อฟัง ความเคารพ ความยำเกรง ความพียรทน ความสงบเสงี่ยม ความอ่อนหวาน

          คนที่สุภาพถ่อมตนกลัวที่จะทำให้คนเสียใจ เชื่อฟังอย่างง่ายๆ ไม่ต่อสู้หรือขัดแย้งกับใคร อยู่อย่าสันติกับทุกคน ใจดีกับทุกคน ไม่ดื้อรั้น ยอมแพ้ทุกคน ไม่ชอบทำให้ใครเสียใจ ไม่ทำร้ายจิตใจใคร อยู่กับทุกคนได้อย่างมีความสุข

ส่วน “ความเย่อหยิ่ง” เป็นรากเหง้าแห่งบาปและความชั่วร้ายประการ
          ดังนั้น “ความสุภาพ” จึงเป็นเสมือนดินที่พระหรรษทานของพระเจ้าจะหยั่งรากลึกลงไปและเจริญเติบโตขึ้นในตัวของเรา ความสุภาพเป็นท่าทีที่ถูกต้องที่เราพึ่งมีเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าองค์พระเจ้า และจะทำให้เราได้รับพระเมตตาจากพระองค์อย่างล้นเหลือ

         “พระเจ้าทรงต่อต้านคนเย่อหยิ่ง แต่ประทานพระหรรษทานให้ผู้ถ่อมตน”(ยก 4:4)
          พระหรรษทานของ “ความสุภาพ” นี้จะทำให้เราเข้าหาพระเจ้าและทำให้เราได้รับปรีชาญาณ พระหรรษทาน และความช่วยเหลือของพระองค์ ไม่มีอะไรจะสามารถให้ความสุขความชื่นชมยินดีที่ยิ่งใหญ่มากกว่าความรู้ว่าเราเป็นที่รักของพระเจ้า พระเจ้าทรงรักเรา และ “ชื่อของเราได้ถูกจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว” (ลก 10:20)

          เราต้องถามตัวเราเองว่า “ในขณะนี้เราแสวงหาความเข้าใจและความช่วยเหลือ(ปรีชาญาณและพระหรรษทาน) จากพระเจ้าด้วยความสุภาพและความไว้วางใจหรือไม่” “เมื่อเราสุขหรือทุกข์เราได้คิดถึงองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือไม่”

“ข่าวดี” ที่สี่ คือ พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เผยแสดงให้เรารู้จักพระบิดา ใครรู้จักพระเยซูเจ้าก็เท่ากับรู้จักพระบิดาเจ้าสวรรค์
           พระเยซูเจ้าทรงเป็น “ผู้เผยแสดง” องค์พระผู้เป็นเจ้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด ความรู้ของเราถึงองค์พระเจ้านั้นไม่ไดจำกัดอยู่แค่รู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับพระเจ้าเท่านั้น แต่เราสามารถรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าแบบใกล้ชิด รู้เป็น “การส่วนตัว” ได้ พระเยซูเจ้าทรงทำให้เราเข้าไปรู้จักใกล้ชิดพระองค์แบบตัวต่อตัว เข้าหาพระองค์ได้เสมอเพราะพระเจ้าทรงเป็นบิดาของเรา การเห็นพระองค์การฟังพระองค์ก็คือการเห็นการฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า ในพระเยซูเจ้าเราเห็นความรักที่สมบูรณ์แบบขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงเอาพระทัยใส่และหวลหาเรามนุษย์ทุกคน พระองค์ทรงรักจนกระทั่งยอมตายบนไม้กางเขนเพื่อเรา

            เราภาวนาต่อพระบิดาในสวรรค์ของเราด้วยความชื่นชมยินดีและความมั่นใจในความรักและความห่วงใยของพระองค์หรือไม่

            เรากำลังเตรียมฉลองการเสด็จมาบังเกิดของพระเยซูเจ้า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา ขอให้เรามีใจสุภาพถ่อมตน เชื่อฟังพระข่าวดีของพระองค์ เป็นมิตรที่ดีกับทุกๆคน นี้แหละคือข่าวดีของเราในวันนี้