บทที่  29 ศีลสมรส

จุดมุ่งหมาย     เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายและความสำคัญของชีวิตสมรส เกิดความเคารพและให้ความร่วมมือในการส่งเสริมชีวิตครอบครัว

ขั้นที่ 1  กิจกรรม       ครูนำภาพสมรสมาแสดงให้ผู้เรียนดู (จากรูปถ่าย หรือ หนังสืพิมพ์)
ถามว่า
- คู่สมรสฝ่ายชายและฝ่ายหญิงมีชื่อเรียกว่าอะไร ? (เจ้าบ่าว เจ้าสาว)
- พิธีสมรสตามประเพณีนิยมมีอะไรบ้าง ? (การมั่น ขันหมาก สินสอด รดน้ำ กินเลี้ยง)
- พิธีสมรสทางศาสนามีอะไรบ้าง ? (มิสซา แสดงความสมัครใจ สวมแหวน)

ขั้นที่ 2  วิเคราะห์

ครูถามผู้เรียน
- เป้าหมายของการสมรสคืออะไร ? (ความบริบูรณ์ในความรักของชาย – หญิง/การให้กำเนินเลี้ยงดู อบรมบุตร)
- เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวการสมรสต้องเป็นอย่างไร ? (รักเดียวใจเดียว/อยู่ครองกันจนวันตาย/ไม่มีการหย่าร้าง)

สรุป    ธรรมชาติสร้างสรรค์มาให้ชายและหญิงทำการสมรสกันเพราะความรัก และผลของคนรักก็คือบุตรที่เกิดมา เราจึงมักเรียกบุตรว่าเป็นโซ่ทองคล้องใจพ่อและแม่

ขั้นที่ 3  คำสอน

          1. พระเยซูคริสต์ทรงยกฐานะการสมรสของคริสตชนขึ้นสู่ระดับเหนือธรรมชาติ กล่าวคือ ให้คู่สมรสมีศักดิ์ศรีเป็นผู้ร่วมงานกับพระเป็นเจ้าในความรักซึ่งเป็นธรรมชาติของพระองค์เอง และเป็นผู้ให้กำเนินชีวิตซึ่งพระเป็นเจ้าแต่พระองค์เดียวเท่านั้นทรงให้ได้ เพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้าชีวิต พระเยซูคริสต์ทรงยกฐานะการสมรสของคริสตชนขึ้นสู่ระดับเหนือธรรมชาติดังกล่าวโดยอาศัย “ศีลสมรส”

          2. ศีลสมรส คือศีลศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูคริสต์ทรงตั้งขึ้น เพื่อประทานพระหรรษทานแก่ชายและหญิงที่ตกลงปลงใจที่จะมาร่วมชีวิตกันโดยมีจุดประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างกันและกัน และเพื่อให้กำเนินบุตร เลี้ยงดูบุตรทั้งฝ่ายกายและวิญญาณ
             ดังนั้นตามปกติ ผู้ที่เป็นคริสตชนจะทำการสมรสกับคริสตชนด้วยกันอย่างถูกต้อง ก็ต้องผ่านศีลสมรสเท่านั้น จะทำเพียงเป็นพิธีฝ่ายบ้านเมือง หรือตามประเพณีนิยมเท่านั้นหาได้ไม่ พระศาสนจักรยังปรารถนาใหเคริสตชนทำการสมรสกับคริสตชนด้วยกัน เพราะจะเป็นผลดีมากกว่าสำหรับความเชื่อของตนเอง และสำหรับการเลี้ยงดูบุตรตามความเชื่อของคริสตชนได้ดีกว่าด้วย

              หากคริสตชนจะทำการสมรสกับคนต่างศาสนาก็ต้องได้รับอนุญาตจากพระสังฆราชเสียก่อน และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็ต้องทำพิธีต่อหน้าพระสงฆ์คาทอลิกด้วย แม้ว่าจะไม่เป็นศีลสมรสก็ตาม
            
หัวใจของศีลสมรสอยู่ที่ความสมัครใจโดยเสรีของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแสดงออกด้วยเครื่องหมายภายนอกที่สัมผัสได้ และเมื่อได้กระทำอย่างถูกต้องทำพิธีต่อหน้าพระสงฆ์คาทอลิกด้วย แม้ว่าจะไม่เป็นศีลสมรสก็ตาม

          3. หัวใจของศีลสมรสอยู่ที่ความสมัครใจโดยเสรีของทั้งสองฝ่าย ซึ่งแสดงออกด้วยเครื่องหมายภายนอกที่สัมผัสได้ และเมื่อได้กระทำอย่างถูกต้องแล้วก็ก่อให้เกิดพันธะดังต่อไปนี้ คือ
             ก. พันธะของศีลสมรส ที่เกิดขึ้นระหว่างคริสตชนด้วยกัน พันธะของศีลสมรสนี้ผูกมัดคู่สมรสใน 2 ลักษณะ คือ
                  1) ความเป็นเอกภาพ หมายความว่า เป็นการสมรสระหว่างชายหนึ่งกับหญิงหนึ่งที่มาร่วมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกัน “เขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” (มก. 10,8)
                  2) ความไม่อาจแยกจากกันได้ หมายความว่า คู่สมรสทั้งสองจะต้องร่วมชีวิตกันไปตลอดชีวิต ไม่อาจหย่าร้างกันได้ “สิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงผูกมัดกันไว้ มนุษย์อย่าได้ไปแยกจากกัน” (มก.10,9)
             ข. พันธะตามธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในการสมรสระหว่างคริสตชนกันคนต่างศาสนา หรือระหว่างคนต่างศาสนาด้วยกัน ซึ่งก็ผูกมัดคู่สมรสเช่นเดียวกับพันธะทางศีลสมรส ยกเว้นกรณีพิเศษที่พระศาสนจักรอนุญาตให้คู่สมรสที่เป็นต่างศาสนาด้วยกันหย่าร้างกันได้เพราะเห็นแก่ความเชื่อ ซึ่งเป็นสิ่งประเสริฐเหนือธรรมชาติ

            4. เกี่ยวกับการให้กำเนินบุตร ซึ่งเป็นจุดประสงค์สำคัญประการหนึ่งของการสมรส พระศาสนจักรแนะนำและส่งเสริมให้คู่สมรสให้กำเนินบุตรตามความสามารถ โดยการวางแผนครอบครัวตามธรรมชาติ และห้ามการกระทำใดๆที่ผิดธรรมชาติ ผิดศีลธรรม เป็นภัยคุกคามต่อชีวิต เช่น การคุมกำเนินทางวิทยาศาสตร์ การทำแท้ง เป็นต้น

                 การอบรมเลี้ยงดูบุตรก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน และเป็นหน้าที่ที่บิดามารดาหลีกเลี่ยงมิได้ เพราะชีวิตของบุตรย่อมสำคัญกว่าทรัพย์สินเงินทองใดๆและบุตรก็มีความต้องการบิดามารดามากกว่าสิ่งอื่น หรือสิ่งอำนวยความสุขใด ๆ

             5. ศีลสมรสเป็นศีลที่เกี่ยวกับหน้าที่ทางสังคม คือ ครอบครัวคู่กับศีลบรรพชาซึ่งเกี่ยวกับหน้าที่ทางสังคม คือ ศาสนาส่วนใหญ่ผู้คนจะเลือกการสมรสเป็นวิถีชีวิตของตน จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเข้ารับฐานะหน้าที่นี้เหมือนผู้ที่รับศีลบรรพชาก็ต้องเตรียมตัว โดยผ่านการอบรมในบ้านเณรเป็นเวลานาน การเตรียมตัวที่สำคัญก็คือ
                ก. สร้างฐานะ โดยการศึกษา และการงานอาชีพที่เป็นปึกแผ่น มั่นคง
                ข. สร้างคุณธรรม โดยยึดมั่นในศาสนา ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องความรัก ความซื่อสัตย์ และความขยันหมั่นเพียร

 ขั้นที่ 4  ปฏิบัติ

  • ข้อควรจำ
    1. ศีลสมรสคือศีลศักดิ์สิทธิ์ที่พระเยซูคริสต์ทรงตั้งขึ้น เพื่อประทานพระหรรษทานแก่ชายและหญิง ที่ตกลงปลงใจมาร่วมชีวิตเป็นสามีภรรยากัน
    2. ศีลสมรสผูกมัดคู่สมรสให้เป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความรักที่ไม่อาจแบ่งแยกและหย่าร้างได้
    3. พระเป็นเจ้า รงยกย่อองชายและหญิงในศีลสมรสให้มาร่วมงานกับพระองค์ในความรักและการให้กำเนินชีวิต
    4. ควรเตรียมตัวรับศีลสมรสอย่างดี โดยสร้างฐานะ และสร้างคุณธรรม
  • กิจกรรม เกม “พ่อ แม่ ลูก”
    วิธีเล่น ครูบอก “พ่อ” ผู้เรียนต้อง “ยืน”
    ครูบอก “แม่” ผู้เรียนต้อง “นั่ง”
    ครูบอก “ลูก” ผู้เรียนต้อง “คุกเข่า”
    ใครทำผิด หรือ ช้า คัดออก ที่เหลือคือผู้ชนะ

    การบ้าน ประดิษฐ์อักษรคำขวัญต่อไปนี้ “รักบ้านให้ล้อมรั้ว รักครอบครัวให้ล้อมรัก” ติดไว้ที่บ้าน