ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

บทที่  20  บาป

จุดมุ่งหมาย      เพื่อให้ผู้เรียนตระหนักถึงความเลวร้ายของบาป  ผลที่ตามมา  และหาวิธีป้องกันเพื่อมิให้กระทำบาป

ขั้นที่ 1  กิจกรรม

ครูเล่าเรื่องต่อไปนี้ให้เด็กฟัง

จะเรียกว่าอย่างไรดี

           เศรษฐีใจบุญสุนทาน  ชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกได้ยาก  วันหนึ่งมีขอทานคนหนึ่งมาขอความช่วยเหลือจากท่าน  ท่านก็หยิบยื่นความช่วยเหลือให้ด้วยความเต็มใจ  ขอทานคนนั้นจึงเผ้าวนเวียนมาขอความช่วยเหลือจากเศรษฐีคนนี้อยู่เป็นประจำ  เศรษฐีคนนี้ถือโอกาสสั่งสอนตักเตือนให้ขอทานรู้จักทำมาหากินช่วยเหลือตัวเองบ้างเพราะเห็นว่ายังมีพลังวังชาพอที่จะทำงานทำการได้  ทำให้ขอทานคนนั้นไม่สู้พอใจ

           วันหนึ่งขอทานก็ไปขอความช่วยเหลือจากเศรษฐีอีก  เศรษฐีก็ให้เงินจำนวนหนึ่งเป็นทานไป  แล้วก็สั่งสอนอบรมตามเคย  ขอทานคนนั้นรับเงินแล้วก็เอาเงินจำนวนนี้ไปซื้อมีดเล่มหนึ่งมาพอสบโอกาสก็แอบย่องเข้าไปในบ้านของเศรษฐีแล้วฆ่าเศรษฐีคนนั้นตายด้วยมีดเล่มนั้น

ขั้นที่ 2  วิเคราะห์

ครูถามผู้เรียนว่า

  • รู้สึกอย่างไรต่อเหตุการณ์นี้ ?
  • การกระทำของขอทานคนนี้ผิดหรือถูกอย่างไร ?    ถ้าผิด  ผิดในข้อใดบ้าง  ?  (ผิดต่อความยุติธรรม  ความรัก  ความกตัญญูรู้คุณ)
  • ความผิดดังกล่าวหนักหนาสาหัสเพียงใด ?
  • ในความจริงคนชนิดนี้มีจริงหรือไม่ ?

สรุป     การทำผิดต่อผู้มีพระคุณเป็นบาปที่สังคมประณามว่าหนักหนาไม่สมกับชื่อว่าเป็นคนเลย

ขั้นที่ 3  คำสอน

  1.       สิ่งไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคมมนุษย์ และถ้าหากเกิดขึ้นก็ได้รับการประณามอย่างนี้  กลับเกิดขึ้นเป็นว่าเล่นกับพระเป็นเจ้าผู้ทรงมีพระคุณต่อมนุษย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้  นั่นก็คือมนุษย์ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์  ผู้ที่พระองค์ทรงไถ่มาด้วยพระโลหิตของพระบุตร  พระเยซูคริสต์  ผู้ซึ่งพระองค์ประทานพระหรรษทานและความช่วยเหลือมากมายอยู่เป็นประจำ  แต่มนุษย์กลับใช้พระคุณเหล่านั้นมาประหัตประหารพระเป็นเจ้าด้วยการทำบาป  เพราะบาปคือการตรึงพระเยซูคริสต์กับไม้กางเขนอีกครั้งหนึ่ง  บาปจึงเป็นสิ่งเลวร้ายและหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าความเลวร้ายใดๆในโลกนี้  เพราะเป็นการจงใจทำร้ายผู้มีพระคุณยิ่งชีวิต คือ พระเป็นเจ้าเอง

  2.       การทำบาปก็คือการที่มนุษย์ทำคล้ายๆกับการขอทานคนนั้น คือ เนรคุณต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งได้แก้พระเป็นเจ้า  คนที่ทำบาปก็คือคนที่ได้รับพระคุณจากพระเป็นเจ้า  และแทนที่จะใช้พระคุณนั้นกระทำสิ่งที่ดีงามเป็นการขอบพระคุณพระองค์  กลับใช้เพื่อทำผิดฝ่าฝืนพระประสงค์ของพระองค์อย่างจงใจ  ความผิดเช่นนี้เราเรียกว่า “บาป”

บาปอาจเข้าใจได้ในสองลักษณะคือ

          ก. การทำผิดต่อพระเป็นเจ้าโดยรู้ตัวและเต็มใจ  แก่นแท้หรือสาระของความผิดในลักษณะนี้อยู่ที่มนุษย์ตัดสินใจเลือกน้ำใจของตนเองเป็นใหญ่  ไม่ขึ้นกับพระเป็นเจ้า  ซึ่งเท่ากับยกตัวเองขึ้นเป็นพระเป็นเจ้าเสียเอง  ไม่สนใจใยดีต่อพระเป็นเจ้าและน้ำพระทัยของพระองค์อีกต่อไป  การกระทำดังกล่าวเท่ากับผิดต่อผู้ออกคำสั่ง  ดังเช่นที่มนุษย์คู่แรกได้ทำผิดต่อคำสั่งห้ามกินผลไม้ของพระเป็นเจ้า  ดังนั้นโดยเนื้อแท้  การทำผิดต่อพระบัญญัติก็เป็นการทำผิดต่อพระเป็นเจ้าเช่นกัน

          ข. “การทำผิดต่อพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าโดยรู้ตัวและเต็มใจ”  พระบัญญัติคือคำสั่ง  การผิดต่อคำสั่งก็เท่ากับผิดต่อผู้ออกคำสั่งดังที่มนุษย์คู่แรกได้ทำผิดต่อคำสั่งห้ามกินผลไม้ของพระเป็นเจ้า  ดังนั้นโดยเนื้อแท้  การทำผิด่อพระบัญญัติก็เป็นการทำผิดต่อพระเป็นเจ้าเช่นกัน

  1.        พูดถึงบาปอาจจะใช้หมายถึงการทำผิดที่กล่าวในข้อที่ 2 ก. ซึ่งเป็นบาปจริงๆหรือที่เรียกว่า “บาปหนัก”  ส่วนที่เรียกกันว่า “บาปเบา” นั้นโดยเนื้อแท้แล้วบาปเบาไม่ใช่บาป  เป็นแต่เพียงความบกพร่อง  ความอ่อนแอ  ความเหนื่อยหน่าย  ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกคน  แต่ไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขั้นจงใจยกตนขึ้นเหนือพระเป็นเจ้า  อาจจะเป็นการสะดุดหยุดชะงักในการทำคุณงามความดี  หรือการเฉไฉออกไปจากเส้นทางความดีบ้างแต่ก็ยังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขให้กลับคืนมาได้  เพราะมิได้จริงจังกับสภาพดังกล่าว  แต่อย่างไรก็ดีการปล่อยปละละเลยทำบาปเบาไปเรื่อยๆ ก็เป็นโอกาที่ชักพาไปสู่การทำบาปหนักได้

  2.        ทั้งนี้และทั้งนั้น  ผู้ที่ทำบาปก็มิใช่ว่าจะหมดหวัง  หรือหมดอนาคตไปแล้ว  นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น  ที่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น” (รม. 5,20)  หมายความว่า  พระคุณของพระเป็นเจ้านั้นยังมีอยู่มากมายเหลือล้นพอที่จะล้างบาปเหล่านั้นได้  เมื่อผู้ทำบาปสำนึกผิด กลับใจ และเข้าพึ่งพระมหากรุณาของพระองค์ผ่านทางศีลล้างบาป   นิทานเปรียบเทียบเรื่อง “ลูกล้างผลาญ” ย่อมเป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดีในเรื่องนี้

  3.        เมื่อบาปมีความเลวร้ายในตัวมันเอง และถ้าหากไม่สำนึกผิดและแก้ไขก็จะมีผลถึงความสูญเสียตลอดนิรันดร  จึงสมควรที่จะหาวิธีป้องกันเพื่อมิให้ทำบาปอีกต่อไป  พระเป็นเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์มา  พระองค์ย่อมทราบโครงสร้างหรือแก่นแท้ของมนุษย์ดีว่าอ่อนแอและอ่อนเชิงเพียงใด  พระองค์จึงประทานความช่วยเหลือมากมายเพื่อช่วยมนุษย์ให้สามารถยืนหยัดในการทำคุณงามความดี  หันไปทำบาปตามแรงดึงดูดของตัณหา  ความช่วยเหลือเหล่านั้นมี เช่น

          ก. การภาวนา  พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “จงขอแล้วจะได้  จงหาแล้วจะพบ  จงเคาะและประตูจะเปิดให้แก่ท่าน” (มธ. 7,7)  การภาวนาจึงเป็นเครื่องมือสำคัญและมีผลสำหรับเปิดประตูรับความช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้า  นักบุญอัลฟอนโซถึงกับกล้ายืนยันว่า “ใครภาวนาก็รอด ใครไม่ภาวนาก็พินาศ”

          ข. ศีลศักดิ์สิทธิ์  ที่พระเยซูคริสต์ทรงตั้งขึ้นก็มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยมนุษย์ตามสถานะต่างๆ  ที่เกี่ยวข้องกับบาปก็มีศีลศักดิ์สิทธิ์ 2 ประการเป็นต้น  คือ  ศีลล้างบาป  ซึ่งมีไว้เพื่อช่วยผู้ที่ทำบาปโดยตรง  เพื่อลบล้างบาปที่ได้ทำไปโดยที่ผู้ทำได้สำนึกผิด  กลับใจ  และมาสราภาพบาปนั้น  และศีลมหาสนิท  ซึ่งมีไว้เพื่อเป็นพลังเสริมความแข็งแกร่ง  คือยึดมนุษย์ให้สนิทแนบแน่นกับพระเป็นเจ้า  อันจะเป็นการป้องกันมิให้มนุษย์นั้นแตกแยกหรือหันหลังกลับไปหาบาปได้อีกง่ายๆ

          ค. การหลีกหนีโอกาสที่จะทำบาป  “ท่านทั้งหลายจงสงบใจและจงระวังระไวไว้ให้ดี  ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารที่วนเวียนอยู่รอบๆดุจสิงโตคำราม  คอยเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” (1 ปต. 5,8) นักบุญเปโตรเปรียบมาหรือปีศาจเป็นเหมือนสิงโตที่ล่ามโซ่วนเวียนไปมาเพื่อหาช่องตะครุบเหยื่อเอาได้  นั่นก็คือการหลีกหนีโอกาสที่จะทำบาป  ซึ่งได้แก่การมัธยัสถ์กายใจ  การละเว้นบุคคล  สถานที่  การกระทำที่ยั่วยุไปในทางบาป  ฯลฯ

ขั้นที่ 4  ปฏิบัติ

  • ข้อควรจำ
  1. บาปคือการทำผิดต่อพระเป็นเจ้า โดยรู้ตัวและเต็มใจ
  2. บาปคือสิ่งเลวร้ายอย่างที่สุด เพราะเป็นการทำผิดต่อผู้มีพระคุณอย่างสูงสุด  คือ  พระเป็นเจ้า
  3. “ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั่นพระคุณก็จะไพบูลย์มากยิ่งขึ้น” (รม. 520)
  4. สิ่งที่จะช่วยมิให้ตกในบาป ได้แก่  การภาวนนา  การรับศีลล้างบาป  การรับศีลมหาสนิท  การหลีกหนีโอกาสที่จะทำบาป
  • กิจกรรม ร้องเพลง “ความเกรงกลัวต่อบาป”

ตั้งใจที่จะหลีกหนีบาปโดยหมั่นสวดภาวนา  รับศีลแก้บาป ศีลมหาสนิท  และไม่ปล่อยตัวให้อยู่ในโอกาสที่จะทำบาป

เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์