ศูนย์คริสตศาสนธรรมสังฆมณฑลราชบุรี
CATECHETICAL CENTER OF RATCHABURI DIOCCESE

คนเก่าเล่าเรื่อง "ครูคำสอนชาวบ้าน"
คนเก่าเล่าเรื่อง "ครูคำสอนชาวบ้าน"

          จากคำบอกเล่าของคุณครูนิมิต ฤทธิปัญญา ทำให้ทราบว่าคุณแม่ของท่าน "มารีอา ซิ้วกิ้ม ฮะกิมเต็ก" (พ.ศ. 2448-2535) ได้ทำหน้าที่สอนคำสอนให้ผู้ใหญ่ที่จะมานับถือศาสนาคริสต์คาทอลิกเมื่อเก้าสิบปีก่อนของวัดแม่พระบังเกิดบางนกแขวก

วิธีเรียนหนังสือ
       เดิมทีมารีอาซิ้วกิ้มไม่ได้เรียนหนังสือมาก่อน จึงอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ครั้งเมื่อคุณพ่อเจ้าวัดได้เปิด “ศาลาเรียน” ที่วัดใน เพื่อสอนให้คนรู้หนังสือ มารีอาซิ้วกิ้มก็ได้ไปเรียนสักพักหนึ่งแล้วก็ไม่อยากไปอีก อ้างว่าลูกป่วยต้องอยู่บ้านเพื่อดูแล แต่ท่านก็มีวิธีการเรียนที่ฉลาดและแนบเนียน คือเมื่อลูกกลับมาบ้าน ก็จะให้ลูกมาอ่านให้ฟัง เขียนให้ดู เหมือนกับกวดขันลูกให้เอาใจใส่การเรียน ท่านฟังไปดูไป เมื่อว่างก็เอาหนังสือลูกมาอ่านเอง เอากระดาษดินสอมาฝึกเขียน จนกระทั้งท่านสามารถอ่านออกเขียนได้ แม้จะไม่เก่งนัก แต่เขียนได้สวย

เป็นพลมารีย์
          เมื่อคุณพ่อเจ้าวัดจัดตั้งคณะพลมารีย์ ท่านก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานฯ แม้ท่านจะอ่านไม่คล่องแต่อาศัยการสวดภาวนาพร้อมกับเพื่อนสมาชิกบ่อยๆ ท่านก็สวดบทกาเตนาของคณะพลมารีย์ได้อย่างคล่องแคล้ว

เป็นครูคำสอน
         ในสมัยนั้นใครจะแต่งงานกับคนคริสต์คาทอลิกจะต้องมาล้างบาปเป็นคาทอลิก คุณพ่อเจ้าวัดก็มอบหมายให้มารีอาซิ้วกิ้มเป็นครูคำสอนสำหรับผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับหนุ่มคาทอลิก โดยให้พายเรือมาเรียนคำสอนที่บ้านของท่าน ท่านได้ทำหน้าที่สอนคำสอนเช่นนี้นานนับสิบปี มีลูกศิษย์หลายคน

ท่านเอาความรู้มาจากไหน
          มารีอาซิ้วกิ้มใช้การสอนคำสอนจากประสบการณ์ความเชื่อของตัวท่านเอง ไม่มีตำราหรือคู่มืออะไร สมัยก่อนไม่มีหนังสือให้อ่านมากเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นความรู้คำสอนของท่านจึงได้มาจากการฟัง สมัยนั้นบทมิสซาและบทอ่านเป็นภาษาลาตินฟังไม่เข้าใจ มีเพียงคำเทศน์ของคุณพ่อในพิธีมิสซาซึ่งสมัยนั้นเทศน์ประมาณครึ่งชั่วโมงหรือสี่สิบห้านาที ท่านเทศน์บนธรรมมาสน์ใหญ่ เพราะยังไม่มีเครื่องขยายเสียง แหล่งความรู้อีกประการหนึ่งคือการแสดงละครวันคริสต์มาส ซึ่งสมัยนั้นบ้านเณรจัดยิ่งใหญ่มาก และยังมีละครประวัตินักบุญอื่น ๆ ในวันฉลองใหญ่ ๆ ซึ่งทำให้รู้เรื่องศาสนามากขึ้น มารีอา ซิ้วกิ้ม จึงใช้ความรู้จากสิ่งที่ได้ฟังและได้ชมมาสอนคำสอน

ท่านสอนอะไรและใช้สื่ออะไร
       ท่านสอนให้ผู้เรียนคำสอนรู้จักพระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระจิต อาศัยรูปพระที่ติดอยู่ที่บ้าน เล่าให้ลูกศิษย์ฟังว่ารูปนี้คือใคร สำคัญอย่างไร สมัยนั้นมีรูปพระกระดาษที่คุณพ่อเจ้าวัดแจก หรือรูปพระที่เป็นปูนปั้น ตั้งไว้บนหิ้งของทุกบ้าน เมื่ออธิบายให้รู้จักพระเจ้า พระเยซู พระแม่มารีย์ นักบุญ และพระสันตะปาปา ตามที่มีแล้ว ท่านก็จะสอนให้สวดบทภาวนา เช่น ข้าแต่พระบิดา วันทามารีอา และบทอื่น ๆ โดยใช้การท่องจำทีละวรรค ทีละตอน แล้วก็สอนบัญญัติสิบประการและบัญญัติของพระศาสนจักร สอนการแก้บาปรับศีล เมื่อเห็นว่าเหมาะสมจึงบอกพ่อเจ้าวัดให้ทำพิธีล้างบาปต่อไป

ชีวิตที่บ้านเป็นอย่างไร
          เนื่องจากสามีตายตอนอายุประมาณสี่สิบกว่า ๆ ท่านจึงต้องเลี้ยงดูลูกตามลำพัง ในการอบรมลูกท่านมักจะเล่าเรื่องบุคคลในพระคัมภีร์เพื่อสอนลูกชายและสะใภ้ (คุณครูนิมิตและคุณขวัญสมัย) ที่ทั้งสองจำได้ เช่น เรื่องของโลทและภรรยาในปฐมกาล ที่ทูตสวรรค์ของพระเจ้าสั่งให้ออกจากเมืองโสโดม เมืองชั่วช้า ให้เอาตัวรอดโดยอย่าเหลียวหลังหรือหยุดไปมอง แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังจึงต้องตายกลายเป็นเสาเกลือ
          ตอนเย็น ๆ ทุกคนจะต้องมาสวดภาวนาพร้อมกันที่หน้าแท่นพระ วันอาทิตย์ท่านจะต้องตื่นแต่เช้าใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงพายเรือไปวัดเช้าตีสี่ แล้วอยู่ที่วัดทั้งวัน ตอนบ่ายมีพิธีตั้งศีลมหาสนิท โดยเย็นวันเสาร์ท่านต้องขูดลิ้นให้สะอาดเพื่อเตรียมตัวรับศีลมหาสนิท (เพราะท่านกินหมาก) และหยุดงานในวันอาทิตย์อย่างเคร่งครัด

          นี่คือตัวอย่างของครูคำสอนชาวบ้านที่น่ายกย่องท่านหนึ่งของอาสนวิหารแม่พระบังเกิดบางนกแขวก สมุทรสงคราม สังฆมณฑลราชบุรี (จากคำบอกเล่าของคุณครูนิมิต ฤทธิปัญญา วันที่ 30 พฤษภาคม 2563)


เนื้อหาและบทเรียน

Download พิธีศีลศักดิ์สิทธิ์สำหรับเด็กและเยาวชน

Download พิธีโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์