ccp023.jpgบทเรียนที่       1 เดือนกันยายน 1995
หัวข้อเรื่อง       พระนางมารีอา แม่ของมนุษยชาติ สตรีผู้มีหัวใจรักที่ไม่มีพรมแดน
จุดมุ่งหมาย    
เพื่อให้ผู้เรียนได้สำนึกถึงศักดิ์ศรียิ่งใหญ่ของสตรีถึงขึ้นที่พระเป็นเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นแม่ของมนุษยชาติ

ขั้นที่ 1 กิจกรรม

1. อ่านหรือเล่าย่อ ๆ เรื่อง “วันเกิดของแม่” ตามที่นำเสนอนี้ หรือ
2. จัดแสดงเป็นละครเรื่อง “วันเกิดของแม่” ก็ได้

วันเกิดคุณแม่
โดยฮิวเมอรีสต์ ลูกรักของแม่

 เรารักแม่ของเรามาก แม่เอาสตางค์จากพ่อมาแจกให้เราเก็บไว้ แล้วพ่อก็มาขอยืมเราไปอีกที เราก็พากันเป็นเจ้าหนี้พ่อด้วยเงินทองของพ่อเอง แม่แสนจะดีต่อเรา เพียงห้าหมื่อนเท่านั้น ความดีจึงเป็นของแม่ ฉะนั้นในวันเกิดของแม่ เราจึงตั้งอกตั้งใจจะฉลองกันให้ครึกครื้นเป็นวันสำคัญที่สุดในครอบครัวเราเสียวันหนึ่ง ให้เป็นวันที่แม่ของเราได้รับความสุขที่สุดที่เดียว

 ก่อนวันงานสองวัน พ่อของเราอุตสาห์ ตะเกียกตะกายตื่นแต่ก่อนเที่ยงเพื่อไปทำงาน ได้ยินบอกกับแม่ว่าที่ไปทำงานก็เพื่อว่าเมื่อถึงวันเกิดของแม่จะได้หยุดงานมาฉลองได้เพราะฝรั่งฉลาด ไม่รู้ว่าชาติไหนคนหนึ่ง กล่าวกำชับขู่เข็ญไว้ว่า “คนที่ไม่ได้ทำงานย่อมไม่มีวันหยุดงานกะเขาด้วยเลย”

 เราหยุดโรงเรียนกันหมดเพื่อวันที่ระลึกสำคัญนี้ (หยุดฟิตตัวล่วงหน้าสามวันและหยุดรักษาตัวล่วงหน้าอีกสามวัน รวมฟรีไปอาทิตย์หนึ่งพอดี) เราคิดว่าจะทำกันให้หรูหราจึงปรึกษาพ่อว่า จะตกแต่งบ้านให้สวยด้วยธงกระดาษและแถบกระดาษสีต่าง ๆ มา พ่อเห็นพร้องด้วย จึงให้หนูไปขอสตางค์แม่ไปซื้อธงกระดาษและแถบกระดาษสีต่าง ๆ มาแล้วมาถามกันว่า ใครจะจัดการตกต่างจึงจะดี คนโน้นก็แต่งไม่เป็น คนนี้ก็ไม่ถนัด พ่อก็ว่าปีนเก้าอี้ขึ้นไปไม่ได้มึนหัว เดี๋ยวตกลงมาตายเปล่า ๆ ที่จริงนั้นไม่ถึงต้องปีน เพียงแต่ยืนพื้นเฉย ๆ ก็จะต้องมีฝาผนังเป็นสรณะที่พึ่งพิงเสียแล้ว ม่ายงั้นโงนเงน เราเลยให้แม่เป็นผู้ตบแต่งธงทิว แต่จัดการกวาดหยากไย่ใยแมงมุมแล้วก็ปีนขึ้นไปแต่งให้ โดยพวกเราคอยส่งให้ และพ่อคอยนอนบงการ นาน ๆ เราก็ปลุกให้ลืมตาเพื่อปรึกษาของความเห็นเสียครั้งหนึ่ง เมื่อแต่งเสร็จแม่ก็ชื่นใจ งานวันเกิดของแม่จะมีธงทิวปลิวไสวในบ้านทำให้ครึกครื้น

 พวกพี่ ๆ ผู้หญิงเห็นว่า ในโอกาสอันสำคัญวันเกิดของแม่ควรจะได้ตัดเสื้อใหม่สักคนละตัวเป็นอนุสรณ์ จึงของเงินแม่ให้แม่ไปซื้อผ้าแล้วเอามาตัดและเย็บให้เสร็จไปเลย พ่อก็ขอเงินแม่ไปซื้อเสื้อเชิ้ตใหม่เป็นอนุสรณ์สองตัว พวกเด็ก ๆ ผู้ชายก็ซื้อฟุตบอลหนึ่งใบเป็นอนุสรณ์ ลูกข่างคนละลูกเป็นอนุสรณ์และขนมปังหวานกรอบหนึ่งปีปเป็นอนุสรณ์ เราจะซื้อผ้าให้แม่ตัดเสื้อใหม่ตัวหนึ่งเป็นอนุสรณ์ แต่พ่อเห็นว่า ตั้งแต่แม่ใส่เสื้อมา ยังไม่เคยเห็นตัวไหนสวยเท่ากับตัวพื้นน้ำเงินจุดขาวคอปกแหลมตัวนั้นเลย ครั้นจะซื้อผ้าอย่างนั้นตัดให้อีกตัวหนึ่งมันก็จะกลายเป็ซ้ำกันไป แม่จึงตกลงเห็นพร้องกับพ่อว่า ถือเอาตัวสวยที่สุดที่ใส่มาแล้วไม่ถึงห้าสิบครั้งนั่นแหละเป็นอนุสรณ์ก็แล้วกัน

 ตามปกติแม่ต้องทำงานบ้านคร่ำเคร่งทั้งวัน มีที่พวกผู้หญิงที่ช่วยให้เบาแรงบ้างคือตอนเช้ากับตอนเย็น พวกเราเด็ก ๆ ผู้ชายไม่ได้ช่วยอะไร เป็นแต่ทำให้เบาแรงลงไปบ้างก็คือ ช่วยกันไม่ให้หมึกหกรดเสื้อบ่อยนัก และเวลาสนามแฉะก็เพลาการลงไปเล่นฟุตบอลเสียบ้าง แม่จะได้ซักกางเกงของเราง่ายขึ้น แต่หมู่นี้หรือหมู่ไหน ๆ ก็คล้าย ๆ กันคือเช้าขึ้นพวกพี่ ๆ ก็คร่ำเครงรีบทำการบ้านไปให้ทันส่งครูเช้า แม่ว่าทำไมตอนเย็นวานถึงไม่ทำ เขาว่ากลับจากโรงเรียนหัดพละเพลียเลยหลับไปไม่ได้ทำ ตกลงเลยไม่ค่อยได้ช่ายแม่ทั้งเช้าทั้งเย็น แต่ก็ได้ช่วยกันทำให้เบาแรงแม่โดยแย่งเอาผ้าเช็ดหน้าและผ้าผูกคอนักเรียนมารีดเสียเอง เราเห็นความลำบากตรากตรำของแม่ เลยจะทำให้แม่ประหลาดใจโดยพ่อไปขอยืมรถยนต์เพื่อนเขามาได้หนึ่งคันจะขับพาแม่บรรทุกลูก ๆ ให้เต็มไปเที่ยวถนนสายปากน้ำ

 พ่อจึงบอกแม่ให้ทราบข่าวอันดีนี้ แม่ก็ดีใจที่ยังไม่เคยไปเที่ยวถนนสายปากน้ำ พ่อว่าเมื่อไปกันทั้งทีก็จะต้องพาลูกไปให้ถึงปากน้ำ จะได้เที่ยวเจดีย์กลางน้ำ คงจะสนุกมาก ถ้าจะไปจอดรถกินข้างกลางวันกันตามทาง แม่จึงทำอาหารกลางวันไว้แต่เย็นเตรียมไว้สำหรับวันรุ่งขึ้น มีข้าวตังทอด ขนมปังหน้าหมู อะไรต่ออะไรที่พวกเราชอบทั้งนั้น นอกไปจากอาหารเช้าวันสำคัญซึ่งมีของอร่อยเป็นพิเศษ แม่จัดลงตะกร้าพระตะบองใบโต รวมทั้งขวดน้ำแก้วน้ำเกือบจะใส่ไม่หมด

 รุ่งขึ้นเช้าแม่ตื่นแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ พอพวกเราตื่นตั้งใจจะช่วยแม่หุงข้าวจัดของ แต่ปรากฏว่าเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว ตลอดจนอาหารเช้าพิเศษและอาหารกลางวันที่จะเอาไปกินกลางทางเพิ่มเติมและอุ่นให้ร้อน เราช่วยกันปลุกพ่อ พ่อขอยืดเวลาครั้งละครั้งชั่วโมงสามครั้ง

 รถยนต์ของเพื่อนพ่อที่เขาจะให้ยืม เจ้าของก็ให้คนขับนำมาจอดคอยอยู่แล้วจึงปลุกพ่อเคี่ยวเข็ญให้ลุกขึ้นให้ได้ มิฉะนั้นจะมีเวลาอยู่ที่ปากน้ำกันเร็วเกินไป พ่อลุกขึ้นมาบอกว่าในวันนี้ไม่ควรจะให้พ่อมึนงงซบเซาควรจะให้ถอนเสีย จึงให้สตางค์หนูไปเอมาให้สองก๊ง

 ครั้นการเป็นที่เรียบร้อย เราก็แต่งตัวกันโดยรีบด่วน แม่ใส่เสื้อตัวที่พ่อชอบคือตัวเก่าสวยที่พ่อกำหนดให้เป็นอนุสรณ์วันเกิดนั่นแหละ พวกพี่ ๆ ผู้หญิงก็ใส่เสื้อใหม่ พ่อใส่เสื้อเชิ้ตใหม่ พวกเราเอาฟุตบอลและลูกข่างของอนุสรณ์ติดไปด้วย พวกเราลองขึ้นรถกันดู ก็รู้สึกจะต้องเกิดที่ ซึ่งจะไปไม่ได้แน่นอนคนหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ได้ยัดกันแน่นบรรจุรถทุกตารางนิ้วแล้ว ทั้งนี้เพราะตะกร้าอาหารเอาเนื้อที่นั่งไปกินเสียมากโข จะนั่งทับบนนั้นก็ไม่ได้ จะเอาตะกร้าลงเสียให้เป็นที่คนนั่งก็ไม่ถูกไม่ควร เพราะอาหารสำคัญอยู่ ตกลงว่าเราจะต้องบ้านคนหนึ่งละ พ่อบอกว่าไม่ต้องไปก็ได้ อยากให้แม่ได้ไปเที่ยว แม่บอกว่าพ่อไม่ไปใครจะเป็นผู้พาเที่ยว และจะให้ลูกคนใดคนหนึ่งอยู่บ้านก็ไม่มีใครยอมอยู่สักคน จะล้มเลิกการไปเที่ยวปากน้ำก็เสียดายที่ยืมรถไว้ได้แล้วหาโอกาสยืมไม่ได้ง่าย ๆ ทั้งอาหารก็ทำเตรียมไว้มากมาย ลำพังกินที่บ้านไม่หมดแน่ จะใช้คนขับลงเสียก็ไม่มีใครขับเป็น เลยตกลงแม่จะต้องอยู่บ้าน แต่พ่อไม่กล้าพูด เราก็ไม่กล้าพูด จนกระทั่งแม่เห็นว่าไม่มีทางจะไปเที่ยวปากน้ำกันได้ ถ้าแม่จะไม่ระงับการไปเสียด้วย จึงบอกว่าแม่อยู่บ้านเองจะได้ดูแลบ้านให้สะอาดเรียบร้อย พวกเราสงสารแม่อยากให้แม่ไปด้วย เพราะเป็นการเที่ยวสนุกในโอกาสวันเกิดของแม่ แม่ว่าไม่เป็นไรหรอกขากลับมาเล่าให้แม่ฟังก็แล้วกัน เราจึงไชโยแล้วออกรถไป แม่ยืนดูอยู่จนรถลับตา

 ไปตามทางสนุกสนานกันเต็มเหนี่ยว พ่อแวะลงซื้อเหล้าใส่รถไปขวดหนึ่งแต่ใสรถอยู่ไม่นานก็ใส่ท้อง เพราะไม่เปลืองที่ว่าง เราคิดถึงแม่ที่ไม่ได้มาสนุกด้วย เที่ยวพระเจดีย์กลางน้ำกันยิ่งสนุกใหญ่ เราพากันเปื้อนโคลนเลอะเทอะไปหมดโดยไม่รู้ตัว ว่าไปเปื้อนมาอย่างไร เห็นจะเป็นอีตอนช่วยกันฉุดและพยุงพ่อ ที่ขาพลาดตกลงไปข้างแอ่งแฉะ ๆ นั่นเอง

 เรากลับบ้านด้วยความสนุกร่าเริง เย็นพอดี แม่ยังแต่งตัวสวยเหมือนอย่างเมื่อเช้า ทำกับข้าวเตรียมไว้พร้อมแล้ว เราตรงเข้ากอดแม่ทุกคน นอกจากคนที่กำลังพยุงพ่อลงจากรถ ชิงกันเล่าถึงความสนุกที่ไปเที่ยวในงานวันเกิดแม่

 แล้วแม่ก็ยกอาหารเย็นมาให้กิน ปลุกให้พ่อลุกขึ้นนั่งพิงฝากินด้วย พ่อไชโยหลายครั้งด้วยความสนุกสนานวันเกิดแม่ แล้วก็เอนลงหลับข้าง ๆ สำรับอย่างเคย

 พวกเราต่างเหนื่อยเพลียกันมาก ช่วยกันถอดเครื่องแต่งตัวของพ่อที่เปื้อนโคลนทั้งหมดและของเราด้วยออกไว้ อาบน้าแล้วก็เข้านอนเลย เพราะเพลียจริง ๆ คืนนั้นแม่ก็รีบซักซักเสื้อผ้าที่เปื้อนโคลนทั้งหมด กลัวว่าทิ้งค้างไว้ถึงเช้าจะซักไม่ออก

 รุ่งเช้าพอเราตื่นขึ้นแม่ก็หาอาหารวางไว้เรียบร้อยแล้วเครียวเข็ญให้พ่อลุกขึ้นกินน้ำแกงร้อน ๆ จะได้หายงงแต่ก็ไม่หาย แม่จึงให้ไปซื้อมาถอน พอถอนแล้วพ่อก็บอกแม่ว่า วันเกิดแม่สนุกครึกครื้นน่าชื่นใจ แม่ก็บอกว่าเป็นวันที่แม่มีความสุขมากที่สุด ที่ได้ฉลองวันเกิดอย่างสนุกสนาน เราก็ดีใจที่ได้ร่วมกันทำให้แม่มีความสุขในวันเกิด

ขั้นที่ 2 วิเคราะห์

- ให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นว่า ภาพลักษณ์ของแม่ในเรื่องนี้เป็นอย่างไร เช่น เป็นแม่ที่เสียสละ แม่ที่ใจดี แม่ที่ไม่เห็นแก่ตัว ฯลฯ
- ถ้านักเรียนเป็นแม่ในเรื่องนี้ นักเรียนจะเป็นแม่อย่างไร? จะมีความรู้สึกอย่างไร? เมื่อต้องฉลองวันเกิดของตนเองแบบนี้

สรุป ความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นเป็นความรักที่ไม่มีพรมแดน แม่ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง
แม้แต่ความสุขของแม่หรือตัวของแม่เอง ถ้าลูกต้องการ คือแม่ให้หมดทั้งชีวิต
ขอเพียงแต่ให้ลูกสมหวังเท่านั้น แม่ก็มีความสุขแล้ว

ขั้นที่ 3 คำสอน

1. สตรีผู้กล้าหาญกำลังยืนมองดูลูกสุดที่รักถูกตรึงทรมานบนไม้กางเขนอย่างแสนทารุณ เพราะลูกคนเดียวคนนี้แหละ ทำให้ดวงใจของแม่ผู้นี้ต้องเจ็บปวดเหมือนถูกหอกแทงทะลุ นางน่าจะเข็ดหลาบพูดกับตัวเองในใจว่า “พอแล้ว พอแล้วสำหรับลูกคนเดียวคนนี้”แต่ยังไม่ทันไร พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนก็พูดกับนางว่า “นี่แน่ะลูกของท่าน” (ยน 19.26) เท่ากับเอาภาระมามอบให้นางอีก คราวนี้ไม่ใช่เพียงคนเดียว แต่ทั้งมนุษยชาติ นางก็ไม่ลังเลใจหรือมีท่าทีปฏิเสธแม้แต่น้อย แต่น้อมรับมรดกชิ้นสุดท้ายที่พระเยซูคริสต์ทรงมอบให้ด้วยความเต็มใจ แค่เพียงคนเดียวนางก็ทุกข์มากโขแล้ว แล้วนี่ทั้งมนุษยชาติ นางคงต้องทุกข์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แต่นางก็ยินดีรับแบบลืมตัวเองโดยสิ้นเชิง นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมานางก็ได้ชื่อว่า เป็นแม่ของมนุษยชาติ เป็นมนุษย์คนเดียวที่ได้รับเกียรติสุขเช่นนี้ และคนคนนี้ก็เป็นสตรีที่ใคร ๆ ถือเป็นเพศที่อ่อนแอ ผู้ชายที่ว่าแข็งแกร่งไม่มีใครได้รับเกียรติเช่นนี้เลย

2. พระนางได้เริ่มทำหน้าที่แม่ของมนุษยชาติตั้งแต่วันแรกที่มีกำเนิดพระศาสนจักร คือประชากรของพระเป็นเจ้าในวันพระจิตเสด็จมา พวกสาวกกำลังรู้สึกว้าเหว่เป็นกำพร้า เพราะพระเยซูคริสต์ทรงจากไป แต่พระนางมารีก็เข้าสวมบทบาทแม่ในทันที ทำให้พวกสาวกเกิดความอบอุ่นใจ มีกำลังใจ และวันนั้นเองพระนางก็ได้ลูกใหม่ด้วยเดชะพระจิตถึงสามพันคน (เทียบ กจ 2.41) และเพิ่มขึ้นเป็นห้าพันคนในอีกไม่กี่วันต่อมา (เทียบ กจ 4.4)

3. พระศาสนจักรแต่ดึกดำบรรพ์เรียกขานพระนางมารีเป็นแม่ของพระเป็นเจ้า และโดยนัยนี้ก็เรียกพระนางว่าเป็นแม่ของมนุษยชาติด้วย สังคายนาวาติกันที่ 2 กล่าวว่า “ขอให้สัตบุรุษทั้งหลายทูลถวายคำภาวนาต่อพระมารดาของพระเป็นเจ้าและพระมารดาของมนุษยชาติอยู่เสมอ เพื่อว่าพระนางขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อุปถัมภ์ค้ำชูพระศาสนจักรมาแต่แรกเริ่มอย่างไร บัดนี้เมื่อพระนางอยู่สวรรค์แล้วก็จะได้อุปถัมภ์ค้ำชูพระศาสนจักรต่อไป พร้อมกับพระบุตรเยซูคริสต์และนักบุญทั้งหลาย” (สังฆธรรมนูญเรื่อง พระศาสนจักร ข้อ 69)

4. พระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 ได้ตรัสไว้ในสารวันสันติภาพปี 1995 ความตอนหนึ่งว่า พระนางมารีดำรงชีวิตด้วยสำนึกอันลึกซึ้งถึงความรับผิดชอบต่อแผนการของพระเป็นเจ้าซึ่งทรงประสงค์ให้เกิดแก่พระนางเพื่อความรอดของมนุษยชาติ ดังนั้นเมื่อพระนางได้รับเป็นแม่ของพระบุตร (พระเป็นเจ้า) แล้วความคิดแรกของพระนางก็คือรีบเดินทางไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ธ เพื่อช่วยเหลือนางทันทีเหมือนทำหน้าที่แม่ของมนุษยชาติแล้ว ที่มีกล่าวถึงในพระวรสารก็เป็นสิ่งยืนยันแน่นอนว่าพระนางมารีได้กระทำทุกอย่างด้วยสำนึกถึงความเป็นแม่ของมนุษยชาติอยู่ตลอดเวลา เช่น ได้สังเกตเห็นเจ้าภาพงานต่างงานที่เมืองคานากำลังเดือดร้อนเพราะเหล้าองุ่นเกิดขาดมือลง จึงเสนอตัวเข้าช่วยเหลือทันทีโดยไม่ต้องรอให้เจ้าภาพขอร้อง เพราะพระนางคิดว่าแม่ต้องช่วยลูกทุกเวลาอยู่แล้วพระนางมารียังแสดงตนเป็นแม่ของมนุษยชาติต่อไปในปัจจุบัน อนาคต จนถึงวันสิ้นโลกในลักษณะปกติธรรมดาโดยอ้อนวอนพระเป็นเจ้าเพื่อมนุษยชาติอยู่เสมอ และบางครั้งก็ในลักษณะพิเศษ คือประจักษ์มาเพื่อยืนยันความจริงบางอย่างที่สำคัญและมนุษย์กำลังละเลยไม่ค่อยใส่ใจ จนกระทั่งการอ้อนวอนธรรมดา ๆ ใช้ไม่ค่อยได้ผลแล้ว นั่นคือการประจักษ์มาของพระนางในต่างวาระและสถานที่ที่พระศาสนจักรรับรอง

ขั้นที่ 4 ปฏิบัติ

ก. ข้อควรจดจำ

1. พระนางมีได้เริ่มทำหน้าที่แม่ของมนุษยชาติตั้งแต่วันแรกที่มีกำเนิดพระศาสนจักร คือประชากรของพระเป็นเจ้าในวันพระจิตเสด็จมา

2. พระสันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 ได้ตรัสไว้ในสารวันสันติภาพปี 1995 ความตอนหนึ่งว่า พระนางมารีดำรงชีวิตด้วยสำนึกอันลึกซึ้งถึงความรับผิดชอบต่อแผนการณ์ของพระเป็นเจ้าซึ่งทรงประสงค์ให้เกิดแก่พระนางเพื่อความรอดของมนุษยชาติ

3. พระนางมารียังแสดงตนเป็นแม่ของมนุษยชาติต่อไปในปัจจุบันอนาคต จนถึงวันสิ้นโลกในลักษณะปกติธรรมดา โดยอ้อนวอนพระเป็นเจ้าเพื่อมนุษยชาติอยู่เสมอ และบางครั้งก็ในลักษณะพิเศษ คือ ประจักษ์มาเพื่อยืนยันความจริงบางอย่างที่สำคัญ

ข.ปฏิบัติ 
ครูถามนักเรียน

1. ครูถามเด็กนักเรียนว่า “แม่ (ของฉัน) ทำอะไรให้กับฉันบ้าง?”
ฉันอยากให้แม่พระทำอะไรให้ฉันบ้าง?

เด็กตอบคำถามโดยเขียนลงในสมุดบันทึกข้อควรจดจำ เสร็จแล้วให้นักเรียนสวดภาวนาโดยนำสิ่งที่นักเรียนต้องการเสนอให้แม่พระกระทำให้ เช่น ให้มีความอดทน มีใจกว้าง มีใจเมตตา ฯลฯ

2. ท่องบทกลอนเกี่ยวกับแม่พระต่อไปนี้
พระแม่อยู่กับลูก
  แม่มนุษย์น่ารักตระหนักจิต ลูกน้อยนิดอ่อนวันไร้เดียงสา
 แม่คุ้มครองมองบุตรสุดชีวา  มิให้พรากสายตาคราใดเลย
 ยามเปื้อนเปรอะสกปรกเมื่อหกล้ม  แม่ก็ก้มลงอุ้มไม่นิ่งเฉย
 ช่วยอาบน้ำขัดสีอย่างที่เคย  ไม่ละเลยลูกยาด้วยปรานี
 คิดถึงพระมารดาองค์อุปถัมภ์  พระนางนำเราไปในวิถี
ให้วิญญาณปลอดภัยไร้ราคี  โดยไม่มีอิดหนาระอาใจ
แม้นเราล้มจมไปในบาปหนัก  แม่ฉุดชักให้ลุกขึ้นเสียใหม่
ได้คืนดีกับองค์พระทรงชัย  พระแม่ไซร้เป็นที่พึ่งคิดถึงเอย

ค.การบ้าน
- สำรวจดูว่าแม่ของฉันเกิดวันไหน และตรียมของขวัญไว้ให้แม่
- ถวายของขวัญให้แม่พระโดยทำกิจการดี เขียนกิจการดีที่ได้ทำลงในกระดาษ เพื่อเป็นช่อบุปผา และนำมาถวายแม่พระที่วัดหรือบนแท่นที่บ้าน