ความสุขแท้จริง 8 ประการ (สำหรับเด็ก)
คำสอนเรื่องความสุขแท้จริงเป็นคำสอนที่สำคัญสำหรับคริสตชนทุกคน พระเยซูทรงมอบคำสอนนี้ขณะอยู่บนภูเขากับบรรดาศิษย์ จึงเรียกคำสอนชุดนี้ว่า “บทเทศน์บนภูเขา” คำสอนนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในพระวรสารของนักบุญมัทธิว (บทที่ 5-7) พระองค์ทรงอวยพรให้บุคคลที่ประพฤติปฏิบัติตนตามคำสอน 8 ประการนี้ พระพรแห่งความสุขแต่ละประการจึงเป็นเสมือน “กฎ-กติกา” เพื่อการดำเนินชีวิตของผู้ติดตามพระเยซู แต่ในความหมายโดยรวมแล้วหมายความว่าถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนชุดนี้แล้ว เราจะมี “ความสุข” นี่เป็นความจริงสำหรับเราคริสตชนเพราะว่าคำสอนนี้เป็นคำสอนแห่งปรีชาญาณสำหรับทุกคน
แม้ว่าคำสอนเรื่องความสุขแท้จริงทั้งแปดประการนี้จะดูง่าย ๆ แต่สำหรับความนึกคิดของเด็ก ๆ อาจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนต่อความเข้าใจของพวกเขาได้ เด็ก ๆ ต้องการอะไรที่เป็นรูปธรรม ชัดเจน คุ้นเคย เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจได้ง่ายขึ้น
คำสอนเรื่องความสุขแท้จริงนี้มุ่งหวังที่จะให้เด็ก ๆ ของเรารู้จักแนวทางปฏิบัติพื้นฐานของการเป็น “คนดี” ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะสอนเด็ก ๆ ในลักษณะของการค่อย ๆ ต่อยอดขึ้นไป ให้พวกเขาได้เริ่มต้นปฏิบัติในเรื่องที่เหมาะสมกับวัยของพวกเขาแล้วให้เชื่อมโยงต่อเนื่องไปให้เป็นนิสัยที่ถาวรตามลำดับวัยของพวกเขาต่อไป
ต่อไปนี้เป็นคำสอนเรื่องความสุขแท้จริง 8 ประการ ประกอบคำอธิบายที่เด็ก ๆ สามารถเข้าใจได้ พร้อมทั้งมีกิจกรรมหนึ่งหรือสองประการให้เด็ก ๆ ได้นำไปปฏิบัติเพื่อเพิ่มความเข้าใจและสามารถประยุกต์คำสอนไปสู่การปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันของพวกเขา
1. ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ความหมาย
• เมื่อพระเยซูพูดคำว่า “ยากจน” พระองค์หมายถึงสภาพของการ “ไม่มี” หรือ “ขาดแคลน” ดังนั้นต้องยังมีความ “ต้องการ” และเมื่อต้องการจึงต้อง “สุภาพถ่อมตน” ที่จะ “ร้องขอ” ความสุขประการแรกที่พระเยซูทรงสอน พระองค์ต้องการให้เราเป็น “คนที่สุภาพนอบน้อมถ่อมตน” พระองค์คาดหวังให้เด็ก ๆ เป็นคนที่ไม่ขี้โม้โอ้อวด หรือมีใจจดจ่อ หรือยึดติดกับวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่เรามี เช่น ของเล่น เกมส์ ตุ๊กตา เสื้อผ้า พระเยซูอยากให้เรามีความสุข มีความพึงพอใจกับสิ่งของต่าง ๆ ที่เรามี ไม่เรียกร้องหรืออยากมีอะไรให้มากขึ้น
ลองทำดู หนูทำได้
• เขียนรายการสิ่งของที่เธอมีอยู่แล้วในขณะนี้ และทบทวนดูว่าเธอได้ใช้อย่างคุ้มค่าแล้วหรือไม่
• เวลาที่เธอไปไหนกับพ่อแม่ ให้เธอพยายามควบคุมจิตใจไม่ร้องขอให้พ่อแม่ซื้อของที่เธอรู้สึกอยากได้ นอกจากสิ่งที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น
2. ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน
ความหมาย
• ถ้าเธอมีความทุกข์หรือเศร้า ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ผิดแต่เป็นสิ่งที่ดี ชีวิตของเราไม่ได้มีแต่ความสุขหรือหัวเราะได้ทั้งวันเท่านั้น มีเรื่องบางอย่างที่ทำให้เรามีความทุกข์หรือรู้สึกว่าตนเองทำผิด ขอให้เรารู้ว่าความทุกข์ความเศร้าเสียใจนั้นไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เดี๋ยวก็มีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นตามมา
ลองทำดู หนูทำได้
• ให้เธอคิดถึงเวลาที่ผ่านมา มีเพื่อนคนใดที่เป็นทุกข์หรือเศร้าเสียใจบ้างไหม ให้เธอส่งข้อความไปทักทาย หรือให้กำลังใจเพื่อนคนนั้น
• ให้เธอไปเยี่ยมเพื่อนที่กำลังเป็นทุกข์หรือเศร้าเสียใจสักคนหนึ่ง พากันไปกินขนมก็ได้
3. ผู้มีใจอ่อนโยน ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก
ความหมาย
• มีคำกล่าวไว้ว่า “สิ่งดี ๆ จะมาถึงสำหรับคนที่รอคอย” และอย่าลืมว่า “ความเพียรทน” เป็นคุณธรรมประการหนึ่ง นี่คือความหมายของความสุขแท้จริงประการที่สาม การรอคอยด้วยเพียรทน ไม่ใจร้อน ไม่โมโหง่าย ไม่สร้างความวุ่นวาย ไม่เป็นคนหงุดหงิดง่าย และพยายามทำงานจนสำเร็จตามเป้าหมายโดยไม่ตำหนิหรือบ่นว่าใคร
ลองทำดู หนูทำได้
• ให้พูดคุยกับพี่ ๆ หรือผู้ใหญ่ถึงสิ่งที่เธอรอคอยหรือสิ่งที่เธอคาดหวังที่จะทำ นี่อาจจะเป็นเป้าหมายในชีวิตของเธอก็ได้ จากนั้นขอให้เขาบอกว่า เธอสามารถทำอะไรได้บ้าง อาจจะเป็นการกวาดบ้าน หรือทำความสะอาดห้องของเธอวันละครั้งหรือสัปดาห์ละครั้ง หรือให้เชื่อฟังผู้ใหญ่โดยไม้โต้เถียง แล้วให้เธอปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น
4. ผู้หิวกระหายความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะอิ่ม
ความหมาย
• พระเยซูไม่ได้พูดถึงความหิวข้าวหรือการหาของอร่อย ๆ กินกัน แต่พระองค์ต้องการบอกให้เราสนใจเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม รอบ ๆ ตัวเรา เช่น การดูถูกกัน คนยากจน (คนที่ไม่มีอาหารกิน ไม่มีบ้าน ไม่มีเสื้อผ้าที่สะอาด... ) ความไม่ยุติธรรมในสังคม พระเยซูต้องการให้เรารู้ว่าถ้าเราต้องการช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาเหล่านี้แล้ว พระองค์จะทรงช่วยด้วย
ลองทำดู หนูทำได้
• ให้เธอค้นหาของเล่น เสื้อผ้าที่เธอไม่เล่นหรือไม่ใช้แล้วแล้วนำไปช่วยเหลือหรือบริจาคให้กับหน่วยงานที่ทำเรื่องเหล่านี้ หรือเข้าร่วมมือเป็นอาสาสมัครรณรงค์ช่วยเหลือคนที่มีความต้องการหรือคนที่เดือดร้อนในเภทภัยต่าง ๆ
5. ผู้มีใจเมตตา ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับพระเมตตา
ความหมาย
• พระเจ้าต้องการให้เรายกโทษและไม่อยากให้เราโกรธเคืองผู้อื่นเสมอ ๆ นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายแต่ทำยาก เราอาจจะโมโหเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวของเราได้ แต่ไม่ควรเก็บความไม่ดีนี้ไว้ในใจของเรา เราควรให้ใจของเราสงบและยกโทษให้ ถ้าเราทำได้พระเจ้าก็จะยกโทษความผิดของเราเช่นเดียวกัน
ลองทำดู หนูทำได้
• เมื่อมีใครมาพูดกับเธอว่า “ฉันขอโทษ” ให้เธอรับฟังไว้ และพยายามยกโทษให้เขา อาจจะใช้เวลาทำใจบ้าง แต่ถ้าเธอพยายามจริง ๆ เธอต้องทำได้แน่นอน
• เธออาจจะเขียนหรือวาดความเสียใจหรือความโกรธของเธอลงในพระดาษแล้วฉีกมันทิ้งลงในถังขยะไปเลย
6. ผู้มีใจบริสุทธ์ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า
ความหมาย
• เด็ก ๆ พร้อมที่จะเป็นคนดี พร้อมที่รับฟังพระเจ้า และรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่กับพวกเขา พระเจ้าต้องการให้พวกเขาดำเนินชีวิตเหมือนกับพระองค์ และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ ดังนั้นสำหรับเด็ก ๆ แล้วการนบนอบเชื่อฟังพระเจ้าง่ายกว่าบรรดาผู้ใหญ่ที่เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ยุติธรรมในโลกมาแล้วมากมาย เด็ก ๆ ยังมีหัวใจที่บริสุทธิ์
ลองทำดู หนูทำได้
• กำหนดเวลาในแต่ละวันเพื่อสวดภาวนา ถ้าโตพอเขียนหนังสือได้แล้ว ให้เขียนบทภาวนาประจำวัน เหมือนบันทึกประจำวัน ถ้ายังเขียนไม่ได้ให้วาดภาพภาวนาหรือระบายสีภาวนาก็ได้
7. ผู้สร้างสันติ ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้า
ความหมาย
• พระเจ้าไม่ต้องการให้เราเงียบตลอดเวลา พระองค์ไม่ต้องการให้เราพูดเรื่องสันติสุขแต่พระองค์ต้องการให้เราเป็นผู้สร้างสันติ คือ การอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสันติ ไม่ทะเลาะกัน ไม่ต่อสู้กัน ไม่ถกเถียงหรือด่าว่าร้ายกัน ไม่พูดทำร้ายจิตใจกัน พระเยซูทรงเป็นผู้สร้างสันติอย่างเต็มตัวและเราก็ควรเป็นเช่นเดียวกับพระองค์ด้วย
ลองทำดู หนูทำได้
• วันนี้พยายามที่จะไม่ทะเลาะกับพี่หรือน้องในครอบครัว หรือกับเพื่อนในโรงเรียน
• ถ้าถูกท้าทายให้เธอหาอะไรทำเพื่อทำใจให้สงบสันติ เช่น รดน้ำต้นไม้ กวาดบ้าน หรือเก็บขยะ
8. ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา
ความหมาย
• จงเข้มแข็งในความรักพระเจ้า บางครั้งอาจจะมีคนที่ไม่เข้าใจความเชื่อในศาสนาของเรา เขาอาจจะถาม หรือทำตลกล้อเลียนเรา จงจำไว้ว่า เธอกำลังทำให้พระเยซูภูมิใจในตัวเธอ คำพูดของคนเหล่านั้นเป็นเพียงคำพูดที่ไม่สามารถทำให้เธอต้องเจ็บปวดได้ และให้เธอภาวนาพร้อมกับให้อภัยเขาเสมอ
ลองทำดู หนูทำได้
• เมื่อเธอไปโบสถ์ ให้สังเกตเพื่อนเด็ก ๆ ด้วยกัน แล้วพยายามเข้าไปทักทาย พูดคุย แนะนำตัวกัน ทำความรัจักเพราะเราทุกคนต่างก็เป็นบุตรของพระเจ้าเหมือนกัน เราจะมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นเสมอ