row09.jpgความรัก
ความหมาย  ความผูกพัน  ความนิยมชมชอบกัน
ข้อคิด   “เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นมิตร  โดยทำสิ่งดี ดีให้กับเขา”
“แสวงหาสิ่งที่ดีในตัวบุคคล”
“รักคนที่ไม่น่ารัก”
“จงให้อภัยในความบกพร่องของคนอื่น  เหมือนกับที่เราให้อภัยในความบกพร่องของตนเอง”
“จงจำไว้ว่า การให้ เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”
“เมื่อคุณดีต่อคนอื่น  คุณก็ดีต่อตัวคุณเอง”
“ตัดสินผู้อื่นจากจุดยืนของเขา  มิใช่จากจุดยืนของเรา”
“จงมีอัธยาศัยไมตรีอันดีต่อทุกคน”


ประโยชน์ของการมีความรัก 
1.ชีวิตและหน้าที่การงานประสบความสำเร็จ มีความเจริญก้าวหน้า
2.ทำให้สังคมอยู่รวมก้นอย่างสงบสุข มีสันติ
3.รู้จักให้อภัย และมีความอดทนต่อกันและกันมากยิ่งขึ้น
4.มีความเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ แบ่งปันและเห็นอกเห็นใจกัน
5.เกิดความสุข ความยินดีในจิตใจ

โทษของการไม่มีความรัก 
1.เกิดการแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่นกัน  ทะเลาะวิวาท  อิจฉาริษยาและเห็นแก่ตัว
2.ไม่รู้จักให้อภัย  และไม่อดทนต่อข้อบกพร่องของคนอื่น
3.สังคมวุ่นวาย ไม่มีความสงบ ไม่มีความสุข
4.ชีวิตและหน้าที่การงานไม่ก้าวหน้า  ไม่ประสบความสำเร็จ

เนื้อหาในพระคัมภีร์ 
“อย่าเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ  แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า   เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา เจ้าอย่าแก้แค้นหรือผูกพยาบาทลูกหลานญาติพี่น้องของเจัา  แต่เจ้าจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”
( ลนต 19 : 17 – 18 )

“ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า  จงรักคนสนิท  และเกลียดชังศัตรู ฝ่ายเราบอกท่านว่า จงรักศัตรูของท่านและจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน” ( มธ 5 : 43 – 44 )

“คนนั้นทูลถามว่า คือพระบัญญัติข้อใดบ้าง พระเยซูตรัสว่าคือข้อที่ว่า  อย่าฆ่าคน  อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา  อย่าลักทรัพย์  อย่าเป็นพยานเท็จ จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน  และจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ( มธ 19 : 18 )

“พวกท่านจงรักพระเจ้า ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน ด้วยสุดความคิด และด้วยสิ้นสุดกำลังของท่าน   และธรรมบัญญัติข้อที่สองนั้นคือ    จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง”   ( มก 12 : 30 – 31 )

“แต่เราบอกท่านทั้งหลายที่กำลังฟังอยู่ว่า  จงรักศัตรูของท่าน  จงทำดีแก่ผู้ที่เกลี่ยดชังท่าน”  ( ลก 6 : 27 )

“จงรักศัตรูของท่านทั้งหลาย และทำการดีต่อเขา  จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะ ได้คืนอีก”   ( ลก 6 : 35 )

“เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลายคือให้เจ้ารักกันและกันเรารักเจ้าทั้งหลาย มาแล้วอย่างไร  ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกันดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่า  เจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา”   ( ยน 13 : 34 – 35 )

“จงรักด้วยใจจริง  จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว  จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี  จงรักกันฉันพี่น้องส่วนการให้เกียรติแก่กันและกันนั้น  จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว”  ( รม 12 : 9 –10 )

“อย่าเป็นหนี้อะไรใคร นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน เพราะว่าผู้ที่รักเพื่อนบ้านก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว พระบัญญัติกล่าวว่าอย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา อย่าฆ่าคน อย่าลักทรัพย์ อย่าโลภ ทั้งพระบัญญัติอื่น ๆ ก็รวมอยู่ใน ข้อนี้คือท่านจงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง ความรักไม่ทำอันตรายเพื่อนบ้านเลย  เหตุฉะนั้น ความรักจึงเป็นการปฏิบัติตามธรรมบัญญัติอย่างครบถ้วน”( รม 13 : 8 – 10 )

“ความรักนั้นก็อดทนนาม  และกระทำคุณให้  ความรักไม่อิจฉา  ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง   ไม่หยาบคาย   ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว   ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด  ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด  แต่ชื่นชมยินดี เมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อใน ส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง”( 1 คร 13 : 4 – 7 )

“ขอให้เราพิจารณาดูว่าจะทำอย่างไร  จึงจะปลุกใจซึ่งกันและกันให้มีความรัก  และทำความดี”  ( ฮบ 10 : 24 )

“แต่ถ้าผู้ใดมีทรัพย์สมบัติในโลกนี้ และเห็นพี่น้องของตนขัดสน แล้วยังใจจืดใจ ดำไม่สงเคราะห์เขา ความรักของพระเจ้าจะดำรงอยู่ในผู้นั้นอย่างไรได้ ลูกทั้ง  หลายเอ๋ย  อย่าให้เรารักันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง”  ( 1 ยน 3 : 17 – 18 )

“ท่านที่รักทั้งหลาย   ถ้าพระเจ้าทรงรักเราทั้งหลายเช่นนั้น   เราก็ควรจะรักซึ่ง กันและกันด้วย ถ้าผู้ใดว่าข้าพเจ้ารักพระเจ้า และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน   ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา   เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว   จะรัก พระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้”   ( 1 ยน 4 : 11, 20 – 21 )

บทความ  ความรักดุจแม่เหล็ก
  ความหวานจากมวลพฤกษา  ล่อแมลงให้หลงใหลในความหวาน  ผึ้งเก็บน้ำหวานเพื่อตนเอง  และให้ประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์  และมนุษย์เราก็ได้รับความสดใสในความสวยของแมลงอย่างผีเสื้อ

  ความดีและความรักก็ทำนองเดียวกัน  เป็นสิ่งดึงดูดให้คนอื่นเข้าใกล้เรา  ซึ่งสามารถรับรู้กันได้   ที่ใดมีความรัก  บรรยากาศที่นั่นจะเบิกบาน สดชื่น และสร้างสรรค์

  คนเรานั้นควรจะเริ่มรักตนเองก่อน ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ทำตนเองให้มีค่า มีราคา แล้วแผ่ความรัก ให้ความรักไปยังผู้อื่น สร้างความสุขใจ ชื่นใจ ให้กับคนที่แวดล้อมเราอยู่   ตรงข้าม  ถ้าคุณทำตนเป็นเชื้อโรค ทำตนน่าเบื่อหน่าย  ซึมเศร้าอยู่เป็นนิจ  สิ่งเหล่านี้อาจซึมไปถึงคนอยู่ใกล้ และไม่มีใครอยากเข้าใกล้ตัวคุณ  จงเก็บความรัก  เก็บสิ่งดีสู่ชีวิต  คิดทำให้ตนเองสดชื่น เหมือนดอกไม้บาน ซึ่งจะทำให้ตัวเองสวยงาม สดใส และช่วยบำรุงใจคนพบเห็น

  จะรักใคร จงรักให้พอดี ไม่ทุ่มเทจนถึงกับหลงใหลใฝ่ฝัน ไม่ลืมหูลืมตา มองดูสิ่งที่เป็นจริง  เดี๋ยวรักมาก จะช้ำมาก หรือช้ำเพราะรัก

  มีนักปราชญ์หรือศิลปินมองความรักเป็นสิ่งที่น่าถนอม  ความรักเป็นสิ่งที่ดี ๆ เป็นแสง
สว่างส่องโลกให้สดใส มีประกายความหวัง เพราะรักคือ…..
  ความรักนั้น  มิได้หมายความว่าจะประเคนให้กัน  ทุ่มเทซื้อข้าวของมากำนัลกัน
  ความรัก คือ การมีส่วนร่วมด้วยกัน ร่วมทั้งสุข ร่วมทั้งทุกข์
  ความรักนั้น ไม่ใช่จะต้องมาแสดงโอ้อวด หรือออกนอกหน้าออกตา
  ความรักแท้ ๆ แล้ว ก็คือการใส่ใจ ให้ความสนใจ รู้จักนึกถึงอกเขาอกเรา
  จะทำอะไร  ก็คิดว่าจะไม่กระทบกระเทือนน้ำใจกัน
  ความรักเช่นนี้  คือความใส่ใจ เอื้ออาทร รักห่วง และเสียสละ 
ถ้าจะสรุปว่า ความรักคือการให้ ก็คงไม่ผิดนัก

พฤติกรรมที่ปรารถนาให้ผู้เรียนปฏิบัติ
   + รู้จักที่จะรักตัวเอง ให้สิ่งที่ดี ดีกับตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเองก่อนแล้วจึงแบ่งปันให้ผู้อื่น เพราะถ้าไม่รักตัวเอง ไม่เลือกสิ่งดี ดีให้กับตัวเองแล้วเราจะรักคนอื่นได้อย่างไร
   + รู้จักที่จะรักคนรอบข้าง  พร้อมที่จะช่วยเหลือและให้สิ่งดี ดี กับคนอื่น
   + รู้จักให้อภัยและอดทนมาก ๆ ในความผิดบกพร่องของคนอื่น เพราะตัวเราเองก็มีข้อบกพร่องเหมือนกัน แต่เราก็ต้องตั้งใจที่จะปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น